ยอดสั่งซื้ออาุวธหนัก เพิ่มสูงขึ้น นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น

20 กุมภาพันธ์ 2560, 17:32น.


เว็บไซต์ยูโรนิวส์รายงานอ้างผลการศึกษาของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม(เอสไอพีอาร์ไอ) หน่วยงานเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการซื้อขายอาวุธของสวีเดนว่าในปัจจุบันการนำเข้าและส่งออกอาวุธหนักทั่วโลกเติบโตในอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น เพิ่มเติมว่าการจัดส่งอาวุธหนัก รวมถึงขีปนาวุธ เครื่องบินรบ เรือดำน้ำและระบบป้องกันทางอากาศขยายตัวอยู่ในระดับสูงที่สุดเมื่อปีที่แล้ว นับตั้งแต่ปี 2533 เป็นผลสืบเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย เอสไอพีอาร์ไอ ตั้งข้อสังเกตว่าซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งพัวพันกับปัญหาขัดแย้งในเยเมน เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำเข้าอาวุธหนักรายใหญ่ที่สุดของโลกระหว่างปี 2555-2559



ขณะเดียวกันการนำเข้าอาวุธหนักของอินเดียคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 ของการนำเข้าอาวุธทั่วโลก เพิ่มร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับปี 2550-2554 ส่วนประเทศจีน ผู้นำเข้ารายใหญ่รายหนึ่งของโลก ได้เริ่มลดการนำเข้าอาวุธลงจำนวนมากในระยะหลังๆมานี้เนื่องจากรัฐบาลจีนสามารถผลิตอาวุธได้เองเพื่อใช้ในประเทศ ประเทศจีนจึงกลายมาเป็นผู้ส่งออกอาวุธมากกว่านำเข้า โดยการส่งออกอาวุธไปยังแอลจีเรีย,ปากีสถาน,บังกลาเทศ เป็นต้น แต่เมื่อเทียบการซื้อขายอาวุธทั่วโลก การส่งออกอาวุธของประเทศจีนก็ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับสหรัฐฯและรัสเซียซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดค้าอาวุธร้อยละ 33 และร้อยละ 23 ตามลำดับ



นอกจากนี้สหราชอาณาจักรยังคงเป็นผู้นำเข้าอาวุธหนักรายใหญ่ที่สุดในยุโรประหว่างปี 2555-2559 แต่การนำเข้าอาวุธของสหราชอาณาจักรลดลงร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับตัวเลขในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นแนวโน้มโดยรวมในยุโรปคือ การนำเข้าอาวุธหนักเข้าไปยังทวีปยุโรปลดร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับตัวเลขในช่วงเดียวกัน ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาเศรษฐกิจ ส่งผลให้รัฐบาลกรีซและรัฐบาลสเปนลดการนำเข้าอาวุธมาอย่างต่อเนื่อง/15.47 น. 





 

ข่าวทั้งหมด

X