การแถลงผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันที่ 3 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า อธิบดีดีเอสไอ สั่งให้อายัดอาคารดาวดึงส์ที่เป็นสถานที่เก็บเครื่องมือแพทย์ของทางวัดพระธรรมกายเอาไว้ตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์กำลังเก็บหลักฐานอยู่ภายในอาคารดังกล่าว สำหรับการตรวจสอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ จะดูรหัสซีรีย์นัมเบอร์ และการนำเข้า ว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเครื่องไฮเปอร์ แบริค แชมเบอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บจากการดำน้ำลึก แต่สามารถใช้รักษาอาการป่วยอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยืนยันจะทำการตรวจสอบให้เร็วที่สุด ส่วนที่พบถังน้ำมันในพื้นที่โซน C นั้น เป็นเรื่องจริง ซึ่งมีการตรวจสอบพบน้ำมันดีเซลกว่า 1 แสนลิตร และมีน้ำมันเบนซินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบว่านำมาจากที่ใด มีการเสียภาษี ขออนุญาตถูกต้องหรือไม่
พ.ต.ต. วรณัน ระบุอีกว่า ในวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะประชุมหารือถึงการปฏิบัติงานเวลา 09.00 น. ภายในพื้นที่ สภ. คลองหลวง แต่ไม่ขอระบุสถานที่ว่าจะเป็นที่ไหน โดยยืนยันว่าจะตรวจค้นต่อไปจนกว่าจะสิ้นข้อสงสัย
ด้านพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการปรับลดกำลังในการดูและพื้นที่วัดพระธรรมกาย เหลือเพียง 8 กองร้อย โดยยืนยันจะยังไม่มีการยกเลิก มาตรา 44 เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติการ เพื่อหาตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสพระธรรมกาย ส่วนตัวยังเชื่อว่าพระธัมมชโยอยู่ภายในพื้นที่ที่ประกาศใช้มาตรา 44
ส่วนกรณีที่พบน้ำมันภายในวัด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ดีเอสไอมอบให้สภ.คลองหลวง ตรวจสอบว่ามีเอกสารซื้อขาย และอนุญาตกักตุนน้ำมันหรือไม่
โดยในช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ประสานกับทางวัด ให้สื่อมวลชนเข้าไปในพื้นที่วัดพระธรรมกาย ผ่านทางประตู 1 เพื่อดูการทำงานของดีเอสไอ ในการซิลพื้นที่ที่ตรวจสอบแล้ว ซึ่งวิธีการซิลจะทำการปิดสก็อตเทปชนิดพิเศษของดีเอสไอ ไว้บริเวณหน้าต่างและประตู เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่ที่ตรวจสอบแล้ว โดยสก็อตเทปชนิดนี้ หากถูกแกะจะมีสีติดอยู่บนพื้นผิววัตถุ โดยสถานที่สำคัญที่พาสื่อมวลชนเข้าไป คือ อาคารภาวนาธรรม ที่เป็นห้องพักรักษาตัวและห้องออกกำลังกายของพระธัมมชโย และอาคารดาวดึงส์ ที่เก็บเครื่องมือแพทย์
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข