+++ภาพรวมปฏิบัติการบุกค้นภายในพื้นที่วัดพระธรรมกาย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี หลายหน่วยงานมาร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้อย่างดี ส่วนผลการเข้าค้นอย่างละเอียด ต้องรอให้ดีเอสไอ รายงานมาเป็นทางการ ตอนนี้ก็ทราบเพียงคร่าวๆ ตามที่เป็นข่าว ส่วนการเข้าตรวจค้นวันนี้ ซึ่งเป็นการตรวจเพิ่มเติม ต้องรอฟังจากดีเอสไออีกครั้ง เพราะต้องตรวจค้นทุกพื้นที่ซึ่งพื้นที่วัดมีกว่า 2,000 ไร่ คงไม่สามารถตรวจและสรุปผลได้ใน 1-2 วัน ขอให้สื่อมวลชน และสังคม อดใจรอ ยืนยัน ดีเอสไอและทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างเต็มที่ พร้อมกำชับต้องตรวจตราอย่างละเอียดให้ครบทุกพื้นที่ เมื่อถามว่าหากตรวจค้นจนทั่ววัดแล้วไม่พบพระธัมมชโย จะต้องมีคนรับผิดชอบในประเด็นนี้หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ท้ายที่สุดหากเสร็จสิ้นการตรวจแล้วไม่เจอ ก็คือไม่เจอ แสดงว่าพระธัมมชโยหนีคดีไปแล้ว แต่หมายจับมีอายุความ 15 ปี ขณะนี้ตอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นต้องผลสรุปอย่างเป็นทางการ จึงจะทราบว่าจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยสิ่งที่ตัวเองต้องการจากปฏิบัติการครั้งนี้คือได้เข้าไปในพื้นที่วัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในประเด็นพระธัมชโย ดีเอสไอจะต้องมีคำตอบให้ทั้งตัวเองและให้รัฐบาล และสังคมทราบให้ได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นว่าพระธัมมชโย ไปไหน
+++นายสุวพันธุ์ กล่าวถึง ประเด็นที่มีการเผยแพร่ภาพการตรวจค้นในห้องพักที่อ้างว่าเป็นห้องที่ใช้ในการรักษาพระธัมชโยแล้วพบเพียงหมอนที่มีผ้าคลุมไว้คล้ายคนนอนอยู่ว่า ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงานแต่เห็นภาพจากทางไลน์ที่ส่งต่อๆกันมา ต้องรอภาพรายงานอย่างเป็นทางการจากพนักงานดีเอสไอเป็นหลัก จึงยังไม่อยากฟันธง หรือตัดสินอะไร
+++ส่วนเรื่องการปรองดอง นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับจดหมายเชิญจากกระทรวงกลาโหมเรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 12.15 น. โดยผู้นำส่งมาจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ชื่อ ร.ท.เดชา ดีเด่น ทั้งนี้ สำนักเลขาฯ จะประสานงานให้คณะผู้บริหารและแกนนำของพรรคทราบและดำเนินการมอบหมายและจัดนัดหมายคณะบุคคลจำนวน 10 คน เพื่อหารือแนวทางการคุยเรื่องการปรองดองและทางออกของประเทศ และเพื่อประสานงานกับสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อนัดหมายวันพบปะหารือร่วมกันต่อไป
+++กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ชี้มูลความผิดทางอาญา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีออกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีร่วม นปช. ก่อการร้าย และคดีอื่น ๆ ซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวน มาให้ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ตามขั้นตอนทางคดีแล้ว ซึ่งนายภาณุพงษ์ โชติสิน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต กำลังทำรายงานเสนออัยการสูงสุด ทราบเรื่องเป็นคดีสำคัญ ขณะเดียวกันก็จะได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวน ซึ่งอัยการจะพิจารณาให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วในเวลาตามขั้นตอนต่อไป
+++หลังจากที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้รับเรื่องจากป.ป.ช. ให้ถอดถอนนายสุรพงษ์ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการถอดถอนต่อไป ประธานสนช. นัดประชุมนัดแรกในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เพื่อให้ป.ป.ช.ในฐานะผู้กล่าวหาแถลงเปิดสํานวนคดีตามรายงานและความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายสุรพงษ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ได้แถลงคัดค้านโต้แย้งคำแถลงเปิดสำนวน พร้อมกับพิจารณาคำขอเพิ่มพยานหลักฐานใหม่
+++ผลการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายในการทวงคืนผืนป่าของ 3 หน่วยงาน นายอรรพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า พร้อมด้วยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าทีมพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าทีมพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายรัชชัย พรพา หัวหน้าทีมฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายอรรถพล กล่าวว่า ผลจากการดำเนินงานของชุดปฏิบัติการพิเศษ ทั้ง 3 หน่วยงาน ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ด้วยการใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มข้นจริงจัง กรมป่าไม้ ยึดคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกได้ 3 แสน 22,891 ไร่ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ยึดคืนพื้นที่ป่าได้ 85,288 ไร่ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยึดคืนพื้นที่ป่าได้ 27,552 ไร่ รวม 3 กรม สามารถยึดคืนดำเนินคดีได้ 4 แสน 35,731 ไร่ โดยเป็นคดีที่บุกรุกหลังปี 2557 ประมาณ 8 หมื่นไร่ เนื่องจาก มีความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เน้นปฏิบัติการเชิงรุกทั้งด้านป้องกันและปราบปราม
+++นายอรรถพล กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินการตรวจสอบรีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศ เมื่อปี 2559 ตรวจสอบพบรีสอร์ทบุกรุกจำนวน 1,939 แห่ง ปัจจุบันมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบมีการบุกรุกเพิ่มขึ้น 2,212 แห่ง ดำเนินการตรวจสอบเสร็จแล้ว 761 และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 1,266 แห่ง และรอการตรวจสอบอีก 185 แห่ง พบการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่เพื่อนำไปก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวที่พบตามพื้นที่เกาะขนาดใหญ่ ซึ่งในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าตามเกาะต่างๆ ได้ตั้งเป้าหมายในพื้นที่โดยนำร่องในเกาะกลุ่มจ.ระนอง โดยจะลงพื้นที่เกาะพยาม ในวันที่ 23-24 ก.พ.นี้ ตามด้วย จ. พังงา จากนั้นจะขยายผลต่อในพื้นที่อื่นๆ เช่นตรวจสอบเพิ่มเติมในเกาะกลุ่มจ.ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กลุ่มเกาะอ่าวไทยตะวันตก และกลุ่มเกาะอ่าวไทยตะวันออก
+++ตลาดหุ้นไทยปิดตลาด 1,577.84 จุด เพิ่มขึ้น 1.79จุด มูลค่าซื้อขาย 46,611.13 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ปิดร่วงลง เนื่องจากเงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง ทำให้หุ้นลดลง 112.91 จุด ปิดที่ 19,234.62 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 73.96 จุด ปิดที่ 24,033.74 จุด
+++สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานอ้างแหล่งข่าวในบริษัทซัมซุง กรุ๊ปของเกาหลีใต้ว่า ซัมซุงเตรียมรับมือกับผลกระทบจากการไร้ผู้บริหารในวันนี้หลังนายลี แจ ยอง ทายาทรุ่น 3 ของเจ้าของเครือบริษัทซัมซุงและซีอีโอของบริษัทฯถูกจับกุมในการสอบสวนคดีคอร์รัปชั่นและการใช้อิทธิพลก้าวก่ายในการบริหารของรัฐบาล ซึ่งเป็นเหตุให้ประธานาธิบดีปัก กึนเฮ ถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติไต่สวนถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ
+++แหล่งข่าวผู้บริหารของบริษัทซัมซุงแสดงความกังวลว่า การจับกุมนายลี รองประธานบริษัทซัมซุง อิเลคทรอนิกส์ จะกระทบต่อการตัดสินใจทางธุรกิจในเชิงยุทธศาสตร์ของซัมซุง กรุ๊ป ในอนาคต ระบุว่าทางบริษัทซัมซุงจะพยายามสู้คดีอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ความจริงต่างๆถูกเปิดเผยในการพิจารณาของศาลที่จะมีขึ้นในอนาคต สำหรับประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่เรื่องความสัมพันธ์ของซัมซุงกับประธานาธิบดีปัก ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการกล่าวหานายลีว่า จ่ายสินบนทั้งสิ้น 4 หมื่น 3 พันล้านวอนให้กับมูลนิธิ 2 แห่งของนางชอย ซูนซิล เพื่อนสนิทของผู้นำเกาหลีใต้ ระบุว่าการที่ซัมซุงยอมจ่ายสินบนดังกล่าวเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ครั้งนั้นซัมซุงอยู่ในช่วงการควบรวมกิจการ 2 บริษัทย่อย แต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นแผนสืบทอดอำนาจกิจการของนายลี
+++ด้านนายคู ยองวูค นักวิเคราะห์จากบริษัทมิแร แอสเซท แดวู ระบุว่าการขาดผู้นำองค์กรของซัมซุงจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อหุ้นของบริษัทฯอย่างแน่นอน ระบุว่าการไม่มีผู้นำระดับสูงขององค์กร หลายฝ่ายกังวลว่าซัมซุงอาจจะไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องนโยบายทางธุรกิจที่สำคัญๆ แต่นายคิม บยุงเยือน นักวิเคราะห์จากบริษัทเอ็นเอช อินเวสเมนท์ แอนด์ ซิเคียวริตี ระบุว่าการจับกุมนายลีอาจจะมีผลเชิงลบระยะสั้นๆเนื่องจากการดำเนินกิจการบริษัทในแต่ละวันดำเนินงานโดยคณะผู้บริหารระดับสูงหลายคน
แฟ้มภาพ