การแถลงผลการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย วันที่ 2 พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า หลังการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย กว่า 8 ชั่วโมง ยืนยันว่าไม่พบพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่จึงได้เตรียมเข้าตรวจค้นพื้นที่ควบคุมบริเวณนอกวัดในวันพรุ่งนี้ต่อไป ดีเอสไอ ได้อายัดพื้นที่อาคารดาวดึงส์ ซึ่งเป็นพื้นที่รักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโยไว้ เป็นพื้นที่ควบคุมห้ามมิให้บุคคลเข้าออก รวมทั้งห้ามเคลื่อนย้ายสิ่งของ เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พิเศษ ไฮเปอร์แบริค ที่พบในห้องที่เคยเป็นที่พักรักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโย โดยเตรียมประสานขอความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบ เพื่อดูว่าเครื่องมีการใช้งานล่าสุดเมื่อใด และมีความสอดคล้องกับการรักษาอาการอาพาธหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ จะยังคงยึดตามคำสั่งมาตรา 44 ที่ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายและบริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ โดยจะยังคงกำลังเจ้าหน้าที่ไว้บางส่วน ซึ่งจะมากน้อยอย่างไรก็จะขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ในแต่ละวัน ส่วนจะมีการเปิดพื้นที่ในบริเวณใดให้คณะศิษยานุศิษย์สามารถผ่านเข้าออกได้บ้าง เจ้าหน้าที่จะมีการชี้แจงให้ทราบต่อไป
ด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวภายหลังนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายว่า วันนี้เป็นการเข้าตรวจสอบในพื้นที่ 2,000 ไร่ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ด้วยดีและให้ความร่วมมือกับวัดเป็นอย่างดีไม่มีปัญหาระหว่างกัน
การตรวจค้นครั้งนี้ มีการตรวจค้นในทุกพื้นที่อย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบพระธัมมชโย และตัวเองไม่ขอยืนยันว่า พระธัมมชโย อยู่ที่ไหน ส่วนตัวก็ไม่พบเจอพระธัมมชโยตั้งแต่ตอนที่แพทย์จากเยอรมันมาเยี่ยมเมื่อปี 2559 และอยากจะวอนรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ขอให้มีการยกเลิกใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ เพื่อให้ญาติโยมโดยรอบวัดได้พักอาศัยและมาปฏิบัติธรรมอย่างสะดวกมากขึ้น
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข