ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
++++วันนี้ ต้องติดตาม การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด กรณีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลยุติการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ อ.เทพา จ.สงขลา และที่ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โดยนัดรวมตัวคัดค้านที่ทำเนียบรัฐบาลในเร็ว ๆ นี้ ว่า รัฐบาลตระหนักถึงความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของพื้นที่ภาคใต้ไม่น้อยไปกว่าคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ดังนั้น เป้าหมายของการทำให้คนมีไฟฟ้าใช้จึงอยู่บนพื้นฐานของการรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ปี 2556 เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ใน 14 จว.ภาคใต้เกือบ 3 ชม. และความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ต่อปี โดยพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันไม่มีโรงไฟฟ้าเป็นของตนเอง แต่ต้องพึ่งไฟฟ้าที่ส่งไปจากภาคกลาง และ หากไม่มีการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ก็จะเกิดความเสี่ยงเรื่องพลังงาน ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
+++ ที่ผ่านมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว จนได้ข้อสรุปว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินมีความเหมาะสมมากที่สุดในแง่ของการลงทุน เมื่อเปรียบเทียบกับพลังงานอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม ปาล์มน้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติเหลว พร้อมทั้งได้ดำเนินการตามหลักวิชาการทั้งการศึกษาคุณภาพอากาศในรัศมีมากกว่า 5 กม.จากจุดสร้างโรงไฟฟ้า ครอบคลุมพื้นที่กว้าง 30 กม. ยาว 30 กม. หรือคิดเป็นพื้นที่ 900 ตร.กม. รวมถึงศึกษาข้อมูลด้านทะเลและชายฝั่ง การใช้น้ำและระบายน้ำอย่างละเอียดในรัศมีมากกว่า 5 กม.และพื้นที่บางส่วนของ จ.ปัตตานีด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล การประกอบอาชีพประมง เกษตรกรรม และวิถีชุมชนตามที่กล่าวอ้าง รวมถึงได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในหลายพื้นที่ และไม่เคยปิดกั้นพี่น้องประชาชนจากจังหวัดใกล้เคียงทั้ง จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมทั้งยังใช้สื่อประชาสัมพันธ์ เช่น วิทยุชุมชน เว็บไซต์ และเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่ปรึกษาลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนเป็นรายกลุ่มและรายครัวเรือน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
++++หลังจากที่ตำรวจปราบปราม ยาเสพติดไทย จับกุมพ่อค้ายาเสพติด สัญชาติลาว นายไซซะนะ แก้วพิมพา จนมีกระแสกดดันตำรวจลาวอย่างหนักจากสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศ ที่ส่วนใหญ่ พุ่งเป้าไปที่หน่วยงานตำรวจของลาว ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อการปราบปรามยาเสพติดให้ได้ผลอย่างจริงจังท่านทองเหล็ก มังหม่อเมก หัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ กรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด กระทรวงป้องกันความสงบ แถลงผลการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด ระหว่างวันที่ 16 ก.ย.2559 ถึงวันที่ 24 ม.ค. 2560 ตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 33 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีเครือข่ายยาเสพติดนายไซซะนะ แก้วพิมพา รวมอยู่ด้วย กรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด ระบุผลการติดตามยึดทรัพย์ของเครือข่ายยาเสพติดทั้ง 5 กลุ่มดังกล่าว สามารถอายัดบ้านพัก โรงแรม ตลาด ร้านอาหาร โรงงานเฟอร์นิเจอร์ โรงงานสังกะสี ตึกแถว ปั๊มน้ำมัน รถหรู เจ๊ทสกี และอื่นๆในระหว่างการจับกุม ปรากฏกลุ่มบุคคลพยามวิ่งเต้นให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวผู้ต้องหารายใหญ่ ซึ่งพยายามเสนอสินบนจำนวน 30 ล้านบาทต่อผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมเสนอการจ่ายเงินล่วงหน้า 10 ล้านบาท ตำรวจลาวจึงดำเนินคดีฐานจ่ายสินบนให้เจ้าพนักงาน
+++ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีดาราสาวชื่อดัง แพท-ณปภา ตันตระกูล ได้เดินทางพบตร.ปส.เพื่อชี้แจงเพิ่มเติมโดยเฉพาะกรณีการจัดไฟแนนซ์รถลัมโบร์กินีคันที่ถูกอายัด นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมที่จะเข้าไปสอบปากคำ นายณัฐพล นาคคำหรือ บอย เพิ่มเติม ภายในเรือนจำ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการสอบปากคำภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ หลังจากสอบปากคำทั้ง 2 หากพบว่า มีความเชื่อมโยงด้านการเงินเกี่ยวกับเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดชาวลาว ก็อาจจะพิจารณาแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป
+++หลังให้ข้อมูลเพิ่มเติม นายอัครกิตติ์ กล่าวว่ามาพบเจ้าหน้าที่ โดยไม่ได้มีหมายเรียกแต่อย่างใด เพียงแต่เดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และนำเอกสารมามอบให้เจ้าหน้าที่เพิ่มเติมหลายอย่าง อาทิ เอกสารการกู้ยืมเงินจากไฟแนนซ์ เอกสารที่มาที่ไปของรถลัมโบร์กินี สำหรับเรื่องเงิน6ล้านตนได้ให้ข้อชี้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อย กรณีมีข่าวว่าร้านArea 51นั้น มีการขาดทุนมา3ปีนั้น ขอให้รอข้อเท็จจริงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่ได้นำเงินของนายไซซะนะ มาใช้ในการซื้อรถลัมโบร์กินี
+++การลงนามสัญญาว่าจ้างติดตั้งระบบรถไฟฟ้า จัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BEM คาดว่าจะเปิดให้บริการเดินรถ 1 สถานีได้เดือน ส.ค. นี้ นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM กล่าวว่ากำลังพิจารณาจัดซื้อรถไฟฟ้าล็อตใหญ่ 35 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้ มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท เพื่อนำมาให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระนายปลิว ตรีวิศวเวทย์ รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่ BEM ขอให้รัฐบาล ช่วยอุดหนุนค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค เป็นวงเงิน 760 ล้านบาทและบางซื่อ-ท่าพระ ล่าสุด BEM จะไม่ขอรับเงินอุดหนุนส่วนนี้ และขอรับความเสี่ยงไว้เองทั้งหมด สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วน ต่อขยาย คาดว่าจะเดินให้บริการได้ทั้งหมดภายใน 36 เดือนหลัง รฟม. ลงนามสัญญาว่าจ้าง BEM เดินรถ แต่ก็มีโอกาสที่จะเปิดให้บริการเร็วกว่านั้น ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับระยะเวลาการสั่งซื้อรถไฟฟ้าเป็นหลัก
+++ กรมทางหลวง (ทล.) แจ้งว่า สำนักอำนวยความปลอดภัยได้รวบรวมรายงานข้อมูลการโจรกรรมอุปกรณ์งานทางของ ทล. ประจำปี 59 (ม.ค.-ธ.ค.59) พบมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมรวม 125 แห่ง 9,476 ชิ้น รวมมูลค่า 8,851,135 บาท อาทิ รั้วลูกกรง 9 แห่ง 512 แผง 2.7 ล้านบาท สายไฟฟ้า 45 แห่ง 7,500 เมตร 1.8 ล้านบาท รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ อุปกรณ์ป้ายจราจร ราวสะพานลอย ปุ่ม/เป้าสะท้อนแสง และอุปกรณ์ราวอันตราย เมื่อเปรียบเทียบสถิติการโจรกรรมกับปี 58 พบว่า ทรัพย์สินถูกโจรกรรมลดลงประมาณ 1 ล้านบาท สำนักงานทางหลวงในพื้นที่ที่มีปัญหาการโจรกรรมทรัพย์สินงานทางมากที่สุด แขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ร้อยละ 36 ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด (3.1 ล้านบาท) รองลงมาสำนักงานทางหลวงที่ 14 (ชลบุรี) ร้อยละ 13 (1.1ล้านบาท) และสำนักงานทางหลวงที่ 11 (ลพบุรี) ร้อยละ 11 (1 ล้านบาท) ขอความร่วมมือและขอบคุณผู้ใช้ทาง และประชาชนผู้อาศัยบริเวณสองข้างทางหลวงที่ช่วยกันดูแลทรัพย์สินของทางราชการ เพื่อให้ปัญหาการโจรกรรมทรัพย์สินงานทาง และทรัพย์สินทางราชการลดลง อีกทั้งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินนำไปพัฒนาทางหลวงต่อไป พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการรับซื้อของเก่า ไม่ให้รับซื้อสิ่งของที่เชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์สินของทางราชการที่อาจจะถูกโจรกรรมมา หากพบเห็นผู้กระทำผิด หรือสงสัยจะกระทำผิด แจ้งสายด่วนกรมทางหลวง 1586 โทรฟรีทุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง
++เพจ ศูนย์ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาจังหวัดภูเก็ต โพสต์ภาพข้อความออกตรวจพื้นที่ แหล่งมั่วสุมต่างๆ ในอำเภอเมืองภูเก็ต ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ นร.หนุ่มอ้างอยู่ในรูปที่โพสต์ เจ้าตัวอายุเกิน 18 ปีแล้ว ไปทานฟาสต์ฟู้ดในห้างดังช่วงเวลาไม่ถึง 2 ทุ่ม ถูกเจ้าหน้าที่มาล้อม ถ่ายรูป จดชื่อ บอกว่าจะส่งเข้าห้องปกครองโรงเรียน ตั้งคำถามทำอะไรผิด !? แอดมินเพจตอบกลับ " ไม่ผิด ถ้าไม่ใส่ชุดนักเรียน แนะควรเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน " ชาวเน็ตข้องใจใส่ชุด นร.ไปทานอาหารที่ห้างไม่เหมาะสมอย่างไร ผู้ปกครอง ชี้ บางครอบครัวมารับช้า ช่วงเวลาไม่ถึง 2 ทุ่ม ห้างคือสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับรอ มีอาหาร มี รปภ. มีกล้องวงจรปิด คำตอบแอดมินเพจไม่สมเหตุสมผล
+++จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสการแชร์คลิปจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก@Nidnoi Apinya ระบุว่า “เด็กปั๊มแบบนี้ก็มีหรอ? #ถ้าเด็กปั๊มจะน่ารักขนาดนี้ #ดูให้จบไม่จบจะเสียใจ” พร้อมเผยขณะที่ได้เติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง แต่กลับเจอเด็กปั๊มหญิงสาวสวย พร้อมโปรโมชั่นเติมน้ำมันเต็มถึงแลกหนึ่งจุ้บ จนเกิดเป็นกระแสการแชร์คลิปดังกล่าวไปทั่วสังคมออนไลน์ น.ส.ภคพร ศรีนครเขต หรือโบว์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี4 สาขาบัญชี คณะบริหารธุรกิจ ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ หญิงสาวในคลิป บอกว่า ภาพในคลิปเป็งานพิเศษเป็นพริ้ตตี้ในวันวาเลนไทน์มีแคมเปญว่า “เติมเต็มถังแลกจุ้บ(ลูกอม)” ช่วงเช้าตนก็แจกแค่ลูกอมเท่านั้น และช่วงบ่ายจึงกลับมาที่สาขาใหญ่ เขตราษฎร์บูรณะ กทม. พี่ๆ ทีมงานจึงเกิดความคิดที่จะเปลี่ยนเป็นจุ้บจริงๆ แต่ก็โดนแค่ปลายจมูกตนเท่านั้น โดยเลือกเฉพาะลูกค้าเจ้าประจำก่อน