สรุปข่าว 19.35 น
+++พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่สถานีตำรวจภูธรปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีทำร้ายเด็กหญิงอายุ 13 ปี บนรถไฟ แล้วทิ้งศพอำพรางคดี เพื่อกำชับให้ทำสำนวนอย่างรอบคอบ รัดกุม และสรุปส่งฟ้องอัยการในวันพรุ่งนี้ โดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า อธิบดีอัยการภาค 7 จะช่วยกำกับดูแลการร่างคำฟ้องในชั้นอัยการให้ละเอียดรอบคอบ จากนั้นวันพุธจะนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลทันที ซึ่งคาดว่าศาลจะเริ่มกระบวนการพิจารณาคดีในวันพฤหัสบดี นับเป็นความร่วมมือกันทำสำนวนคดีที่รวดเร็วมาก ทั้งนี้ มั่นใจหลักฐานในชั้นสอบสวนมีน้ำหนักเพียงพอให้ศาลพิจารณาลงโทษ นายวันชัย แสงขาว และนายหนึ่ง ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุได้
+++ด้านนายพัฒนชัย ธานินทร์พงศ์ อายุ 35 ปี พี่ชายน้องแก้มซึ่งเป็นผู้ที่ออกตามหาน้องแก้มตั้งแต่วันที่หายตัวไปจนพบศพกล่าว ขอโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยที่เคยพูดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ความจริงแล้ว ในวันนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หัวหินออกร่วมช่วยค้นหาน้องด้วยและตนเองเพิ่งมารู้ภายหลังจึงได้เดินทางมาขอโทษด้วยตนเอง
+++การแก้ไขระบบกฎหมายภายหลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสบงแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า คสช.จะมีการแก้ไขกฎหมายทั้งหมด ทุก ๆ เรื่องทุกประเด็นที่ล้าหลังไม่เข้ากับสภาพบริบทสังคมในปัจจุบัน ให้เป็นระบบกฎหมายที่ทันสมัยมีความยุติธรรม ซึ่งเห็นว่า 7 เดือนที่มีความขัดแย้งทางการเมืองนั้น มีกฎหมายที่อยู่ในชั้นสภาฯ หรือกฎหมายที่รอการประกาศใช้ และกฎกระทรวงยังค้างคาอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นทางคสช.จะนำมาแก้ไขดำเนินการโดยเร็วที่สุดเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
+++ความคืบหน้าการจัดการคดีปราสาทเขาพระวิหารตามคำพิพากษาของศาลโลก ที่ให้ 2 ประเทศ คือไทยกับกัมพูชา ร่วมประชุมหารือจัดการพื้นที่ร่วมกันหลังขึ้นเป็นมรดกโลก นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้จัดตั้งคณะที่ปรึกษาด้านกฎหมายต่างประเทศ และร่างแผนที่ รวมทั้งดำเนินการแปลคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะหารือร่วมกับกัมพูชาแล้ว เหลือเพียงรอความพร้อมของรัฐบาลไทยเท่านั้น คาดว่าอาจจะเริ่มเจรจาได้หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ
+++คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) เตรียมเสนอเรื่องเร่งด่วนที่มีความจำเป็นต้องเร่งรัดดำเนินการ เข้าสู่ที่ประชุมคณะร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยมี 5 เรื่อง 14 ประเด็น เช่น การส่งเสริมการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยว กกร.ยังหารือแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง พบว่ามีแนวโน้มดีขึ้น โดยคาดการณ์จีดีพีครึ่งปีหลังโต ร้อยละ 4.2 การส่งออกโต ร้อยละ 3-5 และภาคสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะขยายตัว ร้อยละ 8-10 ทำให้ทั้งปี2557 จีดีพีโตร้อยละ 2 ส่วนเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวเต็มศักยภาพที่ร้อยละ 3.5-4.5
+++ส่วนการช่วยเหลือเอสเอ็มอี จะเสนอให้ขยายระดับการค้ำประกันความสูญเสียของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. โดยจัดสรรงบประมาณให้กับ บสย.เพื่อเพิ่มระดับการค้ำประกันจากร้อยละ 18 เป็น 50 เพื่อข่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น โดยจะผลักดันเอสเอ็มอีเป็นวาระแห่งชาติ มีเป้าหมายเพิ่มรายได้และสัดส่วนในจีดีพีของเอสเอ็มอีให้ถึงร้อยละ 50
+++สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ “คณะกรรมการอิสระ”โดยมีนายกล้านรงค์ จันทิก เป็นประธาน สอบข้อเท็จจริง กรณี ข้อกล่าวหาสื่อมวลชนรับเงินบริษัทเอกชนเพื่อปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพ ระบุว่า จากกรณีที่ศูนย์ข้อมูล & ข่าวสืบสวนสิทธิพลเมือง (TCIJ) ได้เผยแพร่เอกสาร โดยอ้างว่า เป็นของฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร มีเนื้อหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือของสื่อทั้งระบบ โดยเอกสารบางตอนระบุว่า มีการจ่ายเงินเป็นรายเดือนให้กับสื่อมวลชนอาวุโสเฉพาะรายรวม 19 ราย
+++กรณีนักเรียกหญิงชั้น ป.5 ใน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ถูกระบุว่า ว่าเป็นไข้เลือดออก จากยุงสายพันธุ์ใหม่ พ.ญ.ธีรวัน อุไพศิลปสถาพร แพทย์เจ้าของคนไข้ เปิดเผยว่า หลังตรวจอาการของ ด.ญ.10 ปี ล่าสุด อาการของดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังพบเลือดในสมองซึ่งเป็นอาการของไข้เลือดออกปกติ แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยได้มีภาวะแทรกซ้อนของน้ำท่วมปอด ไต และตับ ที่ทำงานไม่เป็นปกติ ซึ่งต้องดูแลเป็นพิเศษของภาวะอาการแทรกซ้อนดังกล่าวให้คงที่ ส่วนที่มีข่าวว่าผู้ป่วยที่เข้ามารักษาในวันแรกนั้น มีอาการช็อก มีแผลเป็นจ้ำๆ และน้ำเหลืองไหลตามร่างกาย ว่าถูกยุงสายพันธุ์ใหม่กัดนั้นไม่เป็นความจริง จึงขอฝากให้ประชาชนทั่วไปอย่าตระหนกกับข่าวที่ออกไป แต่ให้ตระหนักที่จะต้องป้องกันตนเองอย่าให้ยุงกัด ควรกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ในบ้าน นอกบ้านให้มากขึ้น จะป้องกันไข้เลือดออกได้ดีที่สุด
ต่างประเทศ
+++รัสเซียกำลังพิจารณาที่จะโจมตีตอบโต้ยูเครน หลังจากมีผู้ยิงปืนใหญ่ข้ามพรมแดนเข้ามาในรัสเซีย ส่งผลให้พลเรือนรัสเซียเสียชีวิต 1 คน รายงานอ้าง แหล่งข่าวใกล้ชิดทางการรัสเซียว่า รัสเซียกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดเป้าหมายที่จะตอบโต้ในยูเครน ซึ่งกำลังมีการปะทะกันรุนแรงระหว่างกลุ่มกบฏที่นิยมรัสเซียและทหารรัฐบาล ซึ่งอาจจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองอย่างเต็มที่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
+++ตัวแทนสมาชิกจาก 15 ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือเฟอร์รี่เซวอลอัปปางเมื่อเดือนเมษายนได้เริ่มอดอาหารประท้วงในวันนี้ที่บริเวณจัตุรัสควางฮวามุน หน้าอาคารหลักของรัฐสภาในกรุงโซล เรียกร้องให้รัฐสภาเร่งออกกฏหมายพิเศษ เพื่อช่วยคลี่คลายปมปริศนาเรื่องสาเหตุการอัปปางของเรือ เป็นเหตุให้คนเสียชีวิต 293 คนและสูญหายอีก 11 คน รัฐสภาล่าช้าในการพิจารณาร่างกฏหมายนี้เนื่องจากมีความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน พวกเขาจะยื่นบัญชีลายมือชื่อที่รวบรวมจากการรณรงค์ทั่วประเทศต่อรัฐสภา พร้อมทั้งจะเดินขบวนประท้วงไปตามท้องถนนย่านธุรกิจและการเงินทางตะวันตกของกรุงโซลในวันพรุ่งนี้
หุ้นไทยและต่างประเทศ
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ ปิดเพิ่มขึ้น11.22 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,529.23 จุด มูลค่าซื้อขาย 41,293 ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเพิ่มขึ้น 132.78 จุด ที่ 15,296.82 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดเพิ่มขึ้น 113.22 จุด ที่ 23,346.67 จุด