การเข้าชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อรถลัมโบกินีของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า นายอัครกิตติ์จะต้องเดินทางมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปของรายได้ หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า การที่นายอัครกิตติ์ ทำธุรกิจจำหน่ายและตกแต่งรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ และนักแข่งรถนั้น ไม่สอดคล้องกับรายได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวนายอัครกิตติ์ แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่านายอัครกิตติ์กระทำความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา พระราชบัญญัติในข้อหาสมคบและสนับสนุน หรือช่วยเหลือการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ขณะที่ทางด้านพลตำตรวจตรีสุนทร เฉลิมเกียรติ โฆษกกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)กล่าวว่า หลังจากเมื่อช่วงเช้าแม่ของนายอัครกิตติ์ติดต่อมาว่าจะนำเอกสารเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม แต่ล่าสุดได้รับรายงานนายอัครกิตติ์ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ ส่วนตัวมองว่าจะมาหรือไม่มาก็ได้ เพราะหลังจากสอบนายอัครกิตติ์ ในครั้งแรก ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรอเอกสารเพิ่มเติมจากหน่วยงานราชการและธนาคาร รวมถึงเตรียมสรุปสำนวนคดีทั้งหมดก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ซึ่งหากพบว่านายอัครกิตติ์กระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยหลังจากนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ( ป.ป.ส. ) จะเป็นผู้ตรวจสอบที่มาที่ไปของทรัพย์สินทั้งหมด12รายการที่ตรวจยึดมาได้
ด้านนายสรรชัย นพรัตน์ ฝ่ายกฎหมาย บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด บริษัทไฟแนนซ์ของรถลัมโบกินี ได้นำเอกสารเกี่ยวกับการทำไฟแนนซ์ของรถคันดังกล่าว มามอบให้พนักงานสอบสวนแล้วในวันนี้ โดยนายสรรชัย ยืนยันเพียงว่า รถลัมโบกินี่จัดไฟแนนซ์ที่นี่จริง และยังไม่หมดสัญญากับทางบริษัท ส่วนพนักงานสอบสวนจะเรียกเข้ามาให้ข้อมูลอีกหรือไม่ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเอกสารให้ครบถ้วนก่อน
สำหรับรถลัมโบกินีและรถบิ๊กไบท์ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดและนำมาไว้ที่บช.ปส.ได้ก่อนหน้านี้ วันนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ได้เคลื่อนย้ายไปไว้ ป.ป.ส.ดินแดงแล้ว