จีนซื้อข้าวงวด2/คมนาคมพิจารณาขยับหมอชิตจากสถานีกลางบางซื่อไปโซนเอ

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐวิสาหกิจผู้นำเข้าข้าวของจีน (คอฟโก) ตกลงราคาซื้อข้าวอีก 1 แสนตัน ซึ่งเป็นงวดที่ 2 ภายใต้สัญญาที่กรมการค้าต่างประเทศได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนปริมาณ 1 ล้านตัน เมื่อเดือนธันวาคม 2558  โดยราคาข้าวที่กรมการค้าต่างประเทศเจรจาจนสามารถตกลงขายได้ ถือว่าเป็นราคาที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับราคาข้าวจากประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม และสามารถรองรับผลผลิตข้าวนาปรังที่กำลังจะออกสู่ตลาดได้ นอกจากนี้จะมีการจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าและผู้ซื้อรายสำคัญ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา บังกลาเทศ ร่วมด้วยการขยายการส่งออกข้าวไปยังตลาดที่มีศักยภาพสูง เช่น ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ อเมริกากลาง แอฟริกา รวมทั้งการผลักดันการส่งออกข้าวที่ใช้นวัตกรรมในการผลิตออกสู่ตลาดโลก เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่และตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ เตรียมเชิญ สมาคมโรงสีข้าวไทย และธนาคารทั้งของรัฐ และเอกชน มาหารือในสัปดาห์นี้ เพื่อหาทางสนับสนุนสินเชื่อให้กับโรงสีที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง

รณีหน่วยงานของรัฐมีปัญหาเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า สำนักงานปลัดฯ กำลังประสานส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งให้เร่งแก้ปัญหา  หลังพบว่า การแก้ปัญหายังล่าช้ามาก แม้ที่ผ่านมาได้แจ้งหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมทั้งให้แจ้งผลความคืบหน้าในการดำเนินการทางแพ่งทางอาญา และทางวินัยอย่างต่อเนื่องเพราะปัจจุบัน ยุติไปได้เพียง 7 เรื่องเท่านั้นยังมีเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการมากกว่า 2,931 เรื่อง และภาพรวมจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2559 พบว่ามีเรื่องเงินขาดบัญชีและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตที่อยู่ในระหว่างการดำเนินงาน 2,838 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหาย 11,383 ล้านบาท โดยหน่วยงานที่มีการทุจริตมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1,496 เรื่อง รองลงมา คือ กระทรวงมหาดไทย 219 เรื่องและกระทรวงศึกษาธิการ 218 เรื่อง แต่หากจำแนกตามประเภทการทุจริตพบว่า การกระทำผิดกรณีปัญหาเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตอันดับหนึ่ง คือ ยักยอกเงิน หรือทรัพย์สินราชการ

ส่วนกรณีที่กลุ่มพนักงานการบินไทย ในนามคนบินไทยจิตอาสาจำนวนมากกว่า 100 คน ชุมนุมเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบที่เกิดขึ้นภายในองค์การ และเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อตรวจสอบการทุจริตเชิงนโยบายจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดของบริษัท การบินไทย ในช่วงที่ผ่านมา และให้ประธานคณะกรรมการและฝ่ายบริหาร บริษัท การบินไทย ที่ร่วมเป็นคณะกรรมการแผนฟื้นฟูบริษัทในช่วงปี 2552-2554 ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อแผนและนโยบายที่ผิดพลาดจนก่อให้เกิดปัญหาการขาดทุนต่อเนื่องและสร้างหนี้สินผูกพันระยะยาว ซึ่งในฝ่ายบริหารชุดนั้น มีประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทยคนปัจจุบัน คือนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน รวมอยู่ด้วย

ส่วนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่ง และจราจร (สนข.) ที่เสนอให้ย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต2) จากบริเวณสถานีกลางบางซื่อโซนซีไปอยู่โซนเอ นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า มีข้อมูลเรื่องที่ตั้งหมอชิต 2 อยู่ในมือแล้ว และจะมีการหารือกับ สนข. บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ในฐานะผู้บริหารสถานีหมอชิต 2 และคณะทำงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะผู้ดำเนินการโครงการสถานีกลางบางซื่อ โดยเร็ว เพราะยังมีผลต่อเนื่องไปถึง การเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีกลางบางซื่อ

ส่วนปัญหาสุขภาพแรงงาน นพ.สุเทพ เพชรมาก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าการเข้าถึงบริการ ด้านสุขภาพของแรงงานนอกระบบ ยังมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำเข้าไม่ถึงการบริการของรัฐ โดยเฉพาะแรงงาน นอกระบบในพื้นที่ชนบทซึ่งปัญหาใหญ่ๆ ยังคงเป็นเรื่องของสุรา บุหรี่ ความเครียด และการไม่ออกกำลังกาย ส่วนหนึ่งเกิดจากการเป็นแรงงานนอกระบบเป็นอาชีพอิสระ ไม่มีนายจ้างที่คอยจัดการให้

นพ.ปรีชา เปรมปรี ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและ สิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากการคัดกรองสุขภาพของคนงานที่ทำงานนอกระบบได้ตามเป้าหมาย 420,000 ราย จากจำนวนทั้งหมด 21 ล้าน 4 แสนคน พบว่าแรงงานนอกระบบยังเผชิญต่อปัญหาโรคไม่ติดต่อ และมีความเสี่ยงในอัตราที่น่าเป็นห่วง โดยกลุ่มอาชีพเกษตรกร มีผลตรวจเลือดที่ปนเปื้อนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสูงร้อยละ 36.7

ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้หารือกับผู้แทนจากสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการปรับโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ในหมวดหนังสือเรียน จากการซื้อแจกเป็นการจัดซื้อเข้าสถานศึกษาแล้วให้เด็กยืมเรียน ยกเว้นแบบฝึกหัดที่แจกเป็นรายคนเหมือนเดิม ซึ่งผู้แทนสำนักงบฯ มีข้อสังเกตว่าการแจกหนังสือเรียนมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และส่วนราชการต่างๆ จึงต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน ดังนั้น ศธ.จะทำเรื่อง เสนอ ครม.ต่อไป อย่างไรก็ตามมีความเห็นว่าการทำโครงการหนังสือยืมเรียนจะช่วยประหยัดงบประมาณ และสามารถนำเงินที่เหลือไปใช้พัฒนาการศึกษาของเด็กได้อีกมาก จึงจะเร่งเตรียมแผนการดำเนินโครงการ โดยจะเริ่มตั้งแต่เปิดภาคเรียนที่ 1/2560