ธ.ก.ส. ตั้งเป้าขยายบัตรสินเชื่อเกษตรกรเพิ่ม 2 แสนใบ

14 กรกฎาคม 2557, 09:57น.


นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ธ.ก.ส.ได้ดำเนินโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้ใช้บัตรสินเชื่อแทนเงินสดในการจัดหาปัจจัยการผลิต เครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ทำให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยและเพิ่มวงเงินหมุนเวียนแก่ระบบเศรษฐกิจในภาคชนบท ช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาการให้สินเชื่อของ ธ.ก.ส.ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกรวดเร็วและสามารถกำหนดแผนการลงทุนภาคการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับในปี 2557 ตั้งเป้าขยายปริมาณบัตรเพิ่มอีก 200,000 ใบ โดยเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าประเภทสหกรณ์


 ส่วนผลการดำเนินงานโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 มียอดบัตรทั้งสิ้น 4 ล้านใบ มียอดการใช้จ่ายผ่านบัตร 43,566.27 ล้านบาท จำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 12,265 ร้าน และมีหนี้ที่ผิดนัดชำระร้อยละ 0.36


จากการประเมินผลโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรของสถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ (สปร.) พบว่า เกษตรกรมีความพึงพอใจในการใช้บัตรและมีความคาดหวังสูงในการใช้บัตรเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตในฤดูการผลิตถัดไป เนื่องจากไม่มีความยุ่งยากในการใช้งานและมีความสะดวกเพราะมีร้านค้าที่รับบัตรเป็นจำนวนมาก โดยร้านค้าส่วนใหญ่เป็นร้านที่เกษตรกรมีความคุ้นเคย เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่นั้นๆ และยังมีระบบการควบคุมมาตรฐาน Q-Shop ที่กรมวิชาการเกษตรเข้ามาดูแล ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าที่ซื้อไปมีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน มีสินค้าที่จำเป็นต่อการผลิตให้เลือกหลากหลาย อีกทั้งยังมีความปลอดภัยกว่าการถือเงินสด ในกรณีมีความจำเป็นต้องหาปัจจัยการผลิตมาใช้ ก็สามารถนำบัตรมาใช้แทนเงินสดได้ทันทีหรือทันต่อความต้องการ ทำให้สะดวกสบายและรู้สึกอุ่นใจ อีกทั้งยังสามารถซื้อปัจจัยการผลิตผ่านบัตรในราคาเท่ากับหรือถูกกว่าราคาตลาด โดยบางสินค้าให้ส่วนลดเพื่อชดเชยดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาอีก 4 เดือน รวมกับที่ธ.ก.ส.ให้เครดิตอีก 1 เดือนรวมเป็น 5 เดือน ทำให้ลดต้นทุนในเรื่องดอกเบี้ย


การใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรยังส่งผลในทางบวกต่อเศรษฐกิจระดับมหภาคเนื่องจากมีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น โดยผลจากการประเมินยังระบุว่า เกษตรกรที่ใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงร้อยละ 36.7 เนื่องจากการใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตสำหรับใช้ในการลงทุน ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันเกษตรกรยังสามารถลดภาระหนี้สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ถึงร้อยละ 38.1 และลดภาระหนี้นอกระบบลงได้อีกร้อยละ 32.2 นอกจากนี้ร้านค้าที่จำหน่ายปัจจัยการผลิตที่เข้าร่วมโครงการยังมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 86.21


....
ข่าวทั้งหมด

X