สหรัฐฯ และญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ร่วมในระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ว่า สหรัฐฯ ยังยึดมั่นต่อพันธกรณีในการปกป้องความมั่นคงของญี่ปุ่นและจะกระชับความสัมพันธ์ ความเป็นพันธมิตรที่สำคัญมากระหว่างกัน ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของนายกรัฐมนตรีอาเบะในการพัฒนาความไว้วางใจและความเป็นพันธมิตรกับผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ และถือเป็นการส่งสารแสดงให้เห็นว่า ความเป็นพันธมิตรเก่าแก่มานานหลายสิบปีระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นจะไม่สั่นคลอน นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในประเด็นพิพาทกับจีนเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก โดยผู้นำทั้งสองยืนยันว่า สนธิสัญญาความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นในข้อ 5 ครอบคลุมถึงหมู่เกาะเซนกากุในภาษาญี่ปุ่น หรือหมู่เกาะเตียวหยูในภาษาจีน
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้นำทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงที่จะแตะประเด็น ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ กล่าวหาญี่ปุ่นว่า เอาเปรียบสหรัฐฯ ในการให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคง รวมถึงการแย่งงานสหรัฐฯ ขณะที่ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวกับผู้นำทางธุรกิจก่อนเริ่มการเยือนสหรัฐฯ เป็นเวลา 2 วัน ว่า ญี่ปุ่นนั้นช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกันจำนวน 840,000 อัตราด้วยซ้ำ จากการเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่าทั้งสิ้น 411,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ผู้นำญี่ปุ่นย้ำการเดินหน้าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ทั้งเศรษฐกิจและการค้าในลักษณะ win-win หรือ ได้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ส่วนกรณีสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ TPP ผู้นำญี่ปุ่นตระหนักถึงการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันจะหารือกรอบเศรษฐกิจระหว่างรองนายกรัฐมนตรีทาโร อาโสะ ของญี่ปุ่น กับรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ผู้นำญี่ปุ่นหวังว่า การเยือนสหรัฐฯ ครั้งที่ 2 นับแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งจะเปิดยุคศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในระดับทวิภาคี
ทีมต่างประเทศ
CR:REUTERS