หลัง องค์การขนส่งมวลขนกรุงเทพ ได้ยกเลิกสัญญา กับบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้ารถโดยสารธรรมชาติ NGV หลังถูกกล่าวหาสั่งซื้อและนำเข้ารถ NGV มาจากประเทศจีน โดยกรมศุลกากรได้แจ้งข้อกล่าวหากับทางบริษัท เป็นเหตุให้ไม่สามารถนำรถอีก 99 คัน จากทั้งหมด 489 คัน ออกมาได้ นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้ออกมาชี้แจงข้อมูลว่า รถยนต์ NGV ทั้ง 489 คัน มีการผลิตและประกอบที่ประเทศมาเลเซีย ตามเอกสาร FORM D ซึ่งเป็นหนังสือรับรองที่ยื่นขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีศุลกากร แก่สินค้าที่นำเข้าระหว่างกันของประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน โดยกรมศุลกากรไม่มีอำนาจในการถอนสิทธิ์ FORM D ถ้ามีการถอนสิทธิ์ต้องแจ้งให้เลขาธิการอาเซียนทราบ ตามระเบียบที่ตกลงร่วมกัน หากไม่ปฏิบัติตามอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และช่วงที่ผ่านมาได้มีการต่อเติมแก้ไขข้อความในใบขนส่งสินค้าขาเข้า ทำให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ไม่กล้าตรวจรับรถเมล์ NGV โดยบริษัทได้ดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรแหลมฉบัง และฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดพัทยา ฐานความผิดเจ้าหน้าที่พนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อขอความยุติธรรมและศาลอาญาได้รับเรื่องแล้ว พร้อมนัดไต่สวนมูลฟ้องคดี 24 เม.ย.
ส่วนถิ่นกำเนิดของรถ นายคณิสสร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ สิ่งสำคัญคือการที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรบางกลุ่มพยายามฝ่าฝืนระเบียบ ปลอมแปลงแก้ไขเอกสาร ส่วนการหาหลักฐานนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของบริษัท ผู้ที่ตั้งข้อสงสัยต้องเป็นคนหาหลักฐานเอง โดยขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับเอกสารยกเลิกสัญญารถเมล์ NGV จากทาง ขสมก. แต่หากได้รับก็จะตรวจสอบสาเหตุและหากมีการสอบสวนแล้วทางบริษัททำผิด ก็พร้อมยอมรับ และไปดำเนินการฟ้องร้องบริษัทซุปเปอร์ซาร่า กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศมาเลเซีย และบริษัทผู้ผลิตในมาเลเซีย แต่หากไม่ใช่ความผิดของบริษัท ก็จะฟ้องร้องกรมศุลกากรและขสมก. โดยนายคณิสสร์กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากให้นำรถเมล์ NGV ออกมาให้ประชาชนใช้บริการ ควบคู่ไปกับกระบวนการสอบสวน