+++สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงเปิดนิทรรศการ เย็นศิระ เพราะพระบริบาล ณ ท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่าให้ช่วยกันสืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ต่อไป ให้ประชาชนเข้าใจและเป็นรูปธรรมให้มากที่สุด อีกประการหนึ่งคือเรื่องของศาสนาต้องช่วยกันเพราะใกล้วันมาฆบูชาแล้ว ก็มีงานที่สำคัญ พระองค์ทรงมีรับสั่งว่าทุกคนพร้อมช่วยกันนะ
+++นิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล เปิดตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป แบ่งเป็น รอบประชาชนที่รอกราบถวายสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และรอบประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เวลา12.00-13.00 น. และเวลา 17.00-18.00 น. โดยจะเปิดเข้าชมเป็นรอบ รอบละ 500 คน ต่อรอบจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ขณะเดียวกัน สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ซึ่งตั้งอยู่ภายนอกอาคารนิทรรศการ โดยจัดแสดงศาสตร์พระราชาของจริงที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการดิน น้ำ และธรรมชาติ โดยจะจัดแสดงเพียง 7 วัน
+++กรณีสินบนโรลส์-รอยซ์ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวว่า คดีโรลส์-รอยซ์ เกี่ยวพันกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงรอบด้าน เพื่อนำไปสู่การตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ที่ประชุมศอตช.เห็นชอบให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ใช้อำนาจหน้าที่ผ่าน พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 เพื่อประสานขอข้อมูลกับผู้ประสานงานกลางของประเทศสหรัฐฯและประเทศอังกฤษ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสืบสวนคดีอีกช่องทางหนึ่ง
+++ช่วงบ่ายนี้ ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำสั่งคดีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 4 คน ในกรณีมีคำสั่งที่ 453/2559 ลงวันที่ 19 ก.ย.ให้นายบุญทรง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยอ้างว่าขณะที่นายบุญทรง ดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ ได้อาศัยโอกาสในการปฏิบัติหน้าที่แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี และอ่านคำสั่งในคดีที่นายภูมิ สาระผล ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 4 คน กรณีมีคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ที่ 240/2558 ลงวันที่ 3 เม.ย. 2558 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดและคำสั่ง ที่ 453/2559 ลงวันที่ 19 ก.ย. 2559 ให้นายภูมิ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยอ้างว่าเมื่อครั้งที่นายภูมิ ดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ ได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในคดีดังกล่าว นายบุญทรงและนายภูมิ ได้ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งระงับคำสั่งที่ให้นายบุญทรงและนายภูมิ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาคดี ก่อนหน้านี้ ศาลได้นัดไต่สวนเพื่อพิจารณาว่าจะรับคำฟ้องไว้พิจารณาหรือไม่ และพิจารณาคำขอจะมีคำสั่งกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวตามที่บุคคลทั้งสองยื่นขอไปแล้ว
+++คดีโกงสอบนายสิบตำรวจนครบาล วันนี้ เวลา 10.00 น.พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เรียกประชุมคณะทำงานอีกครั้งเพื่อนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาวิเคราะห์ว่าจะต้องออกหมายจับใครเพิ่มเติม อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเชื่อมโยง เพื่อเตรียมออกหมายจับชุดที่ 3 คดีนี้ พนักงานสอบสวนสน. พหลโยธิน ดำเนินคดีนายจิระพจน์ พลายด้วง เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ เขตปทุมวัน พร้อมออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 87 คน ส่วนกลุ่มที่ 3 น่าจะเป็นชุดสุดท้าย
+++การสืบพยานคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตราชการครู จ.สกลนคร พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า หลังศาลสืบพยานผู้ร้องไปแล้ว ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายกฎหมายเพื่อเตรียมการเบิกความต่อ เท่าที่หารือกันผลการสืบพยานเป็นที่น่าพอใจ กรณีที่ไม่นำตัวนายสับ วาปี ขึ้นเบิกความเพราะไม่ต้องการให้สังคมเกิดความสับสน เพราะเป็นพยานบุคคลสามารถให้การอย่างไรก็ได้ การทำงานที่ผ่านมาของคณะทำงานได้ข้ามขั้นตอนสำคัญไป 2 ขั้นตอนคือการนำนายสับเข้าเครื่องจับเท็จและการฟ้องนายสับในคดีอาญา ดังนั้น คณะทำงานจึงต้องการเน้นไปที่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เนื่องจากคดีดังกล่าวไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นว่านางจอมทรัพย์เป็นผู้ขับรถ ทีมกฎหมายกระทรวงยุติธรรมเน้นต่อสู้คดีว่ารถยนต์หมายเลขทะบียน บค 56 สกลนคร ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ไม่เคยผ่านการทำสีตัวถังรถ เพื่อมุ่งรื้อฟื้นคดีให้กับครูจอมทรัพย์ ส่วนใครเป็นผู้ก่อคดีขับรถชนคนตายเป็นหน้าที่ของตำรวจ ต้องสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีต่อไป
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2560 ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการ ทั้ง 4 ฝ่าย ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อความปรองดอง 2.คณะอนุกรรมการพิจารณาบูรณาการข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง 3.อนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง และ 4.คณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า การปรองดองต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายรวมถึงประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วม ตั้งกรอบ รับฟังความคิดเห็นประมาณ 3 เดือน จนถึงเดือนเมษายน ส่วนการเชิญพรรคการเมืองมาแสดงความคิดเห็น เนื่องจากการเสนอความคิดเห็นต่างๆ ต้องอยู่ในกรอบ ที่กำหนดไว้ว่าควรจะพูดในเรื่องใดบ้าง จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
+++นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ถ้าหาก ขสมก.ทำหนังสือบอกเลิกสัญญาจริง คาดว่ากว่าจะมาถึงบริษัทคงใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน หลังจากนั้นบริษัทคงต้องขอดูรายละเอียดของหนังสือว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง และเหตุผลของการเลิกสัญญาคืออะไร แล้วมาพิจารณาควบคู่กับสัญญาที่เคยทำไว้ว่าคืออะไรบ้าง บริษัทจึงจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการฟ้องร้องต่อ ขสมก.คืนหรือไม่
+++ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุลผู้อำนวยการขสมก. เปิดเผยว่า ขสมก.ยืนยันว่าจะดำเนินการแจ้งยกเลิกสัญญากับทางบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ผู้ชนะประมูลรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน เนื่องจากบริษัทมีปัญหาการส่งมอบรถเมล์ สาเหตุมาจากการตรวจสอบแหล่งที่มาของตัวรถของกรมศุลกากร กระทรวงคมนาคมก็จะต้อง มีการทบทวนแผนการจัดซื้อรถเมล์ใหม่ทั้งหมดจำนวน 3,183 คัน เพื่อปรับแผนใหม่ให้สอดคล้องกับแผนฟื้นฟู ขสมก.และพิจารณารูปแบบของรถเมล์ที่จะมีการจัดหาใหม่
+++นายคณิสสร์ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบปัญหาและตรวจสอบถึงปัญหาที่ทำให้กระบวนการส่งมอบล่าช้า เนื่องจากปัจจุบันเบสท์รินได้ทำการส่งมอบรถให้ ขสมก.ไปแล้ว 390 คัน โดยมีรถเมล์ NGV ที่ตรวจสภาพและทะเบียนแล้วกว่า 274 คัน แต่ในเวลาต่อมาคณะกรรมการรับรถได้มีคำสั่งให้ชะลอการส่งมอบเพื่อรอความชัดเจนจากกรมศุลกากรเรื่องแหล่งผลิตรถ ขณะที่นายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่ากระบวนการตรวจสอบข้อมูลการบอกเลิกสัญญาระหว่าง ขสมก. และบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน เพื่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงทั้งบุคคลและเอกสาร
แฟ้มภาพ