+++รอยเตอร์ รายงานผลสำรวจล่าสุดของสำนักโพลล์แฮร์ริส อินเตอร์แอ็คทีฟของฝรั่งเศสว่านางมารีน เลอ แปง หัวหน้าพรรคเนชั่นแนล ฟรอนท์ พรรคขวาจัดของฝรั่งเศสมีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรอบแรกในวันที่ 23 เมษายนนี้ ระบุว่านางเลอแปง ซึ่งมีนโยบายต่อต้านคนเข้าเมืองและต่อต้านการรวมกลุ่มกับสหภาพยุโรป(อียู)จะชนะในการเลือกตั้งรอบแรกด้วยคะแนนร้อยละ 24ขณะที่นายเอ็มมานูเอล มาครง นักการเมืองสายกลางและอดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาเป็นลำดับสองคือ ร้อยละ 24 +++ขณะที่โพลล์อีก 2 แห่งของฝรั่งเศสระบุชัดว่าเธออาจจะพ่ายให้กับนายมาครงในการเลือกตั้งรอบสองในเดือนพฤษภาคมนี้ด้วยคะแนนร้อยละ 63 ต่อร้อยละ 37 ส่วนอดีตนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ ฟียง นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยม ซึ่งเคยเป็นตัวเก็งจะชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ มีคะแนนนิยมลดมาอยู่ในลำดับที่ 3 คือร้อยละ 19 เฉพาะผู้ได้คะแนนสูงสุด 2 อันดับแรกเท่านั้นที่จะแข่งขันในรอบสองในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้
+++คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางภาค 9 ในนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ อยู่ระหว่างไต่สวนคำร้องของฝ่ายโจทก์คือทางการรัฐวอชิงตันและเพนซิลเวเนีย และกระทรวงยุติธรรมในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นจำเลย ว่าอำนาจพิเศษของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 27 ม.ค. มีความชอบธรรมหรือไม่ โดยเป็นการระงับโครงการผู้ลี้ภัยทุกสัญชาติเป็นเวลา 120 วัน แต่หากเป็นชาวซีเรียจะถูกปฏิเสธ อย่างไม่มีกำหนด และการระงับออกวีซ่าให้แก่พลเมืองจาก 7 ประเทศ ได้แก่ อิรัก อิหร่าน ซีเรีย ซูดาน ลิเบีย โซมาเลีย และเยเมน อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวถูกระงับตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. ตามการตัดสินของผู้พิพากษาเจมส์ โรบาร์ต แห่งศาลชั้นต้นรัฐบาลกลางภาค 9 ในเมืองซีแอตเทิล
+++ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวระหว่างพิธีเปิดการประชุมประจำฤดูหนาวของสมาคมนายอำเภอและผู้บังคับการตำรวจส่วนภูมิภาค ว่าระบบศาลยุติธรรมสหรัฐฯ มีความเป็นการเมืองมากเกินไป
+++ถ้อยแถลงดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างอีกครั้ง รวมถึงจากนายนีล กอร์ซุช ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากนายทรัมป์ให้รับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งวิจารณ์คำพูดของนายทรัมป์ว่าถือเป็นการ บ่อนทำลายศีลธรรม
+++นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นพร้อมด้วยภริยา ผู้แทนรัฐบาลและภาคธุรกิจ ออกเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการเมื่อช่วงค่ำและมีกำหนดพบหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ ที่กรุงวอชิงตันในวันนี้ คาดจะเสนอกรอบการเจรจาระดับคณะรัฐมนตรีใหม่ระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นด้านการค้า ความมั่นคง และเศรษฐกิจมหภาค ก่อนหน้านี้ ผู้นำญี่ปุ่น ให้คำมั่นช่วยสร้างงานในสหรัฐฯ คลี่คลายปัญหาด้านการค้าและค่าเงิน และยึดมั่นในความเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่มานานหลายสิบปี
+++กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะเริ่มบันทึกลายนิ้วมือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้าประเทศผ่านสนามบินในเมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของประเทศ ก่อนที่จะมีการทยอยนำมาตรการดังกล่าวไปปรับใช้กับจุดตรวจคนเข้าเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ แถลงว่า ผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ 14-70 ปี จะต้องทำการสแกนลายนิ้วมือ ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศจีน โดยกฎข้อบังคับดังกล่าวมีขึ้น เพื่อยกระดับกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากจีนแล้ว สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และกัมพูชา ต่างก็มีกฎข้อบังคับให้ชาวต่างชาติสแกนลายนิ้วมือ ก่อนเดินทางเข้าประเทศเช่นกัน
+++รอยเตอร์ รายงานว่านายคริสเตียน ลินด์เนอร์ ผู้นำพรรคฟรี เดโมแครต(เอฟดีพี)ของเยอรมนีที่มีแนวคิดส่งเสริมภาคธุรกิจ แสดงความเห็นว่า กรีซควรจะออกจากเขตที่ใช้เงินสกุลยูโรหรือยูโรโซน ที่มีสมาชิก 19 ประเทศ และเจ้าหนี้นานาชาติควรจะพิจารณาผ่อนผันหนี้สินบางส่วนให้กับกรีซ การตัดหนี้สินสามารถจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกรีซอยู่นอกเขตยูโร ดังนั้น เราควรจะเริ่มพูดคุยเรื่องการถอนตัวออกจากยูโรโซน(เกร็กซิต) ขณะเดียวกัน ก็เห็นว่า การที่กรีซ อยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) ที่มีสมาชิก 28 ประเทศต่อไป ก็จะทำให้มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนบางส่วน ไปใช้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคของประเทศหรือสามารถจะนำไปช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมและขนาดเล็กต่อไป ขณะนี้ชัดเจนว่ากรีซต้องการให้เจ้าหนี้นานาชาติตัดหนี้ลงบางส่วน เพื่อช่วยบรรเทาหนี้ให้กับกรีซ
+++ด้านนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ ไม่ประสงค์จะทำตามมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจตามที่ตกลงไว้กับคณะเจ้าหนี้นานาชาติ ดังนั้นเจ้าหนี้นานาชาติควรจะต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาหนี้สินของกรีซใหม่ รัฐบาลเยอรมนี ต้องการให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)มีส่วนร่วมในการช่วยกู้วิกฤติเศรษฐกิจกรีซครั้งต่อไปคือครั้งที่ 4 เพื่อให้โครงการนี้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
+++สิงโปร์แอร์ไลนส์ หรือ เอสไอเอ สั่งซื้อเครื่องบินโดยสารจากบริษัทโบอิ้ง 39 ลำ คิดเป็นมูลค่า 13,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายตัวของบริษัทในช่วงทศวรรษหน้า เอสไอเอ ลงนามในหนังสือแจ้งความจำนงกับบริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐฯเพื่อซื้อเครื่องบิน 777-9เอส 20 ลำ และ 787-10เอส 19 ลำ พร้อมกับเปิดทางสำหรับการซื้อเครื่องบินแต่ละรุ่นเพิ่มอีกรุ่นละ 6 ลำ รวมทั้งสิ้นเป็น 51 ลำ หากได้ดำเนินการครบตามทางเลือกที่เปิดช่องไว้ นายโกะห์ ชุน ฟง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอสไอเอ กล่าวว่า จะทำให้เอสไอเอ เดินหน้าการใช้งานเครื่องบินที่ทันสมัยและประหยัดน้ำมัน ทำให้เอสไอเอ กรุ๊ป สามารถขยายโอกาสในตำแหน่งผู้นำในธุรกิจการบินได้ต่อไป
+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ ปิดที่ 53.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ ปิดที่ 55.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ให้สัญญาจะแถลงแผนลดภาษี ที่นักลงทุนคาดหวังกันอย่างมาก เร็วๆนี้ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 118.06 จุด ปิดที่ 20,172.40 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.20 จุด ปิดที่ 2,307.87 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 32.73 จุด ปิดที่ 5,715.18 จุด หลังจากที่นายทรัมป์ พบกับผู้บริหารสายการบิน โดยเขาบอกว่าจะเปิดเผยรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับแผนลดภาษีในช่วง 2 หรือ 3 สัปดาห์ข้างหน้า นักลงทุนขานรับคำพูดดังกล่าวอย่างคึกคัก ท่ามกลางการเคลื่อนไหวในแดนบวกของตลาดทุนยุโรป
+++ราคาทองคำ ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วัน หลังเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่า ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,236.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
CR:NHK