ข่าวเที่ยงครึ่ง
+++วันนี้ (9 ก.พ.) เวลา 10.49 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ร.อ.ม.จ.ปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นผู้แทนพระองค์ ในการพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ สมเด็จพระสังฆราช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานอาลักษณ์ เริ่มทำพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ตามพระนาม ดังนี้ “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธานธำรง สกลมหาสังฆปริณายก ตรีปิฎกธราจารย อัมพราภิธานสังฆวิสุต ปาพจนุตตมสาสนโสภณ กิตตินิรมลคุรุฐานียบัณฑิต วชิราลงกรณนริศรปสันนาภิสิตประกาศ วิสารทนาถธรรมทูตาภิวุฒ ทศมินทรสมมุติปฐมสกลคณาธิเบศร ปวิธเนตโยภาสวาสนวงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิบูลสีลสมาจารวัตรวิปัสสนสุนทร ชินวรมหามุนีวงศานุศิษฏ บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช”
+++พระครูพิลาศสรธรรม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรมหาวิหาร เปิดเผยว่า วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 30 รูป ทำพิธีทักษิณานุปทาน สดับปกรณ์ ถวายอดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ จากนั้นเวลา 17.00 น. สมเด็จพระมหามุนีวงศ์เสด็จวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เพื่อเข้ารับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ เวลา 18.30 น. เสด็จถึงวัดราชบพิธฯ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูปเจริญชัยมงคลคาถา จากนั้นวันที่ 13-19 กุมภาพันธ์ จะเสด็จลงพระอุโบสถ เพื่อเปิดให้ประชาชนไปเข้ากราบสักการะ ถวายมุทิตาจิต เป็นเวลา 7 วัน ทั้งนี้ ก่อนวันสถาปนาทางวัดราชบพิธฯได้เตรียมพื้นที่รองรับประชาชนที่จะมาร่วมพิธีเวียนเทียนและฟังธรรมในมาฆบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 3,000-4,000 คน
+++วันนี้ที่สองที่ศาลจังหวัดนครพนมนัดสืบพยานในคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครู ที่อ้างว่าตกเป็นแพะในคดีขับรถยนต์ชนคนตาย นางจอมทรัพย์พร้อมทนายความเดินทางมาศาลจังหวัดนครพนมตามนัดหมาย โดยให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นศาลว่า เมื่อคืนนอนหลับสบาย ปล่อยให้ทนายความทำหน้าที่ โดยช่วงเช้ายังคงสืบพยานฝ่านตนอีก 3 ปาก คือนางทัศนีย์ หาญพยัก ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุและเห็นคนขับรถคันก่อเหตุลงมาดูคนเสียชีวิตเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง , นางทองเรศ วงศรีชา ส่วนอีกปากหนึ่งคือ นายทักษิณ ไขสีดา เจ้าของรั้วที่ผู้ร้องอ้างว่ารถคันดังกล่าวขับครูดชนก่อนเกิดเหตุชนคนตาย จากนั้นจะเป็นการสืบพยานผู้ถูกร้องทั้งตำรวจ พลเรือนและหลักฐานอื่น ๆ รวม 42 ราย
+++ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นักสมุทรศาสตร์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก (Facebook) ถึงภาพขยะจำนวนมหาศาลที่ลอยอยู่กลางทะเล พร้อมข้อความระบุว่า "แพขยะขนาดยักษ์กลางอ่าวไทย ยาว 10 กิโลเมตร เป็นภาพที่ประมงไปพบในทะเลนอกชายฝั่งชุมพรบริเวณอ.ปะทิว เป็นหลักฐานว่า เราเข้าขั้นวิกฤตในการจัดการปัญหาขยะพลาสติกในทะเล ซึ่งพบว่า ประเทศไทยทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลเป็นอันดับ 5 ของโลก หลังหน่วยงานต่าง ๆ ในโลกเตือนว่า ประเทศไทยทิ้งขยะลงทะเลมหาศาล โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่ไม่ย่อยสลาย สำหรับข้อมูลจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ระบุว่า คนไทยใช้ถุงพลาสติกวันละ 8 ใบ เมื่อเทียบกับคนยุโรปบางประเทศ ที่ใช้ถุงเดือนละ 3 ใบ แล้วจะหยุดขยะเหล่านั้น หรือทำให้ลดน้อยลงอย่างจริงจังได้อย่างไร ภาพลักษณ์ทะเลไทยจะสูญเสีย หากภาพนี้เผยแพร่ไปตามเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่าง ๆ หรือนักท่องเที่ยวมาพบเห็น จึงรอวันที่ภาครัฐจะจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง ไม่ได้โทษแต่ภาครัฐ เพราะขยะเกิดจากพวกเราทุกคน การแก้ไขต้องช่วยกัน เพียงแต่อยากเห็นนโยบายที่ชัดเจนกว่านี้ในการจัดการปัญหา
ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือจิสด้า วิเคราะห์ข้อมูลขยะที่ลอยห่างฝั่ง 40 ไมล์บริเวณอ.ปะทิว จ.ชุมพร พบว่า มวลขยะทะเลมีทิศทางถูกพัดพาออกสู่ทะเล ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะง่าม ไม่ส่งผลกระทบต่อแนวปะการัง ชายหาด และระบบนิเวศที่เปราะบางบริเวณใกล้ฝั่ง
+++ แฮกเกอร์รัสเซียงัดอีเมล "เดวิด เบคแฮม" แฉก่อตั้งมูลนิธิเพื่อหวังได้รับตำแหน่งอัศวิน แต่พอผิดหวังจากตำแหน่งอัศวิน อดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษก็ส่งอีเมลตอบโต้กับที่ปรึกษาอย่างโกรธเกรี้ยว โดยระบุว่า “หากตัวเองเป็นชาวอเมริกัน คงได้เครื่องราชย์นี้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว” ในเวลาต่อมา ตัวแทนของซุป’ตาร์ฉายาโกลเดนบอลส์ แถลงว่า อีเมลที่เว็บไซต์ฟุตบอลลีกส์นำมาเผยแพร่เป็นข้อมูลเก่าจากเซิร์ฟเวอร์ของบุคคลที่สามที่ถูกแฮกและบิดเบือนความจริงขณะที่องค์การยูนิเซฟที่เคยร่วมงานกับเบคแฮมหลายครั้ง ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันคุณงามความดีของอดีตนักเตะว่า นอกเหนือจากการสละเวลาอันมีค่าและการสนับสนุนอย่างดีเพื่อระดมทุนให้กับมูลนิธิแล้ว คุณพ่อลูก 4 ยังมอบเงินส่วนตัวสนับสนุนงานของมูลนิธิมาโดยตลอด ด้านเจ้าตัวยังไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ
+++องค์กรป้องกันมะเร็งในเดนมาร์ก ทำแคมเปญขอความช่วยเหลือจากคนไทย และอีกหลายประเทศที่มีอากาศแจ่มใสแดดแรง ช่วยเตือนคนเดนมาร์กที่ไปเที่ยว ให้ระวังป้องกันตัวจากแดด เพื่อลดปัญหาผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง แคมเปญดังกล่าว จัดทำโดยองค์กรป้องกันมะเร็งของเดนมาร์ก ขอความร่วมมือและความช่วยเหลือจากคนไทย และคนในอีกหลายประเทศ รวมทั้งกรีซ สเปน ฝรั่งเศส และอิตาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวกลางแจ้งและมีแดดแรง ให้ช่วยเหลือหรือแนะนำนักท่องเที่ยวชาวเดนมาร์กที่หนีหนาว และความมืด ไปเที่ยวยังประเทศนั้นๆ ที่มีหาดสีขาว และอากาศแจ่มใส จนลืมนึกถึงอันตรายจากการอาบแดดหรือการไม่ป้องกันตัว ตากแดดโดยตรงโดยไม่มีร่ม หรือสวมหมวก รวมทั้งไม่มีการทาครีมกันแดดป้องกัน คนเดนมาร์กป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในคลิปวิดีโอรณรงค์ขอความช่วยเหลือจากคนไทย ทำคลิปวิดีโอเป็นภาษาไทยเผยแพร่ทางยูทูบ มีทั้งผู้ดำเนินรายการพูดเป็นภาษาไทยแบบไม่แข็งแรง และชาวเดนมาร์กกลุ่มหนึ่ง ยืนตั้งแถวสวมชุดว่ายน้ำ ตามร่างกายมีรอยไหม้จากการอาบแดด เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาและอันตรายจากมะเร็งผิวหนัง ที่คนเดนมาร์กกำลังเผชิญอยู่ พร้อมขอให้ผู้คนประเทศเจ้าบ้านช่วยให้คำแนะนำ เช่น ให้อยู่ในที่ร่ม หลีกเลี่ยงการโดดแดดจัดๆ หรือทาครีมกันแดด กางร่ม และสวมหมวกหากต้องอยู่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันแสงแดด