บรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเคของญี่ปุ่น รายงานว่าศาลอุทธรณ์ภาค 9 ในนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯที่พิจารณาคำร้องคัดค้านคำสั่งห้ามมุสลิมเข้าประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯได้รับฟังคำร้องและคำคัดค้านจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายที่คัดค้านคำสั่งฝ่ายบริหารของนายทรัมป์ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ สำหรับการไต่สวนทางโทรศัพท์ของศาลอุทธรณ์ภาค 9 ดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวานนี้ ก่อนหน้านี้ศาลแขวงของรัฐบาลกลางในรัฐวอชิงตันมีคำสั่งเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ระงับการบังคับใช้คำสั่งฝ่ายบริหารของนายทรัมป์ชั่วคราวหลังการสั่งห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมเข้าสหรัฐฯ
ต่อมารัฐบาลของนายทรัมป์ได้ยื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 ให้พิจารณากลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น ในการไต่สวนฝ่ายรัฐบาลระบุว่าสภาคองเกรสให้ประธานาธิบดีมีอำนาจสั่งห้ามไม่ให้พลเมืองต่างชาติบางจำพวกเข้าสหรัฐฯด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ส่วนในรัฐวอชิงตัน โจทก์ในคดีที่ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงระบุว่าอาจจะเกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นมาในสังคมสหรัฐฯ ถ้าหากศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น ให้คำสั่งฝ่ายบริหารของนายทรัมป์มีผลต่อไปคาดว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำชี้ขาดในสัปดาห์นี้ว่าควรจะกลับคำตัดสินของศาลชั้นต้นตามคำฟ้องอุทธรณ์ของฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ ด้านนายทรัมป์พูดชัดเจนว่าเขาจะนำคดีนี้ไปยื่นต่อศาลฏีกา ถ้าหากศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น
ด้านนายจอห์น เคลลี รัฐมนตรีความมั่นคงภายในของสหรัฐฯกล่าวว่าเขาเลื่อนการประกาศคำสั่งฝ่ายบริหารของนายทรัมป์ในราชกิจจานุเบกษาไว้ชั่วคราว นายเคลลีบอกกับคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรสว่า เขาจะชี้ให้สภาคองเกรสทราบเรื่องนี้ต่อไป
ก่อนหน้านี้นายทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเดือนที่แล้ว สร้างความสับสนให้กับสาธารณชนตามสนามบินหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ ผู้ถือบัตรกรีนการ์ดและผู้มีถิ่นที่อยู่ประจำในสหรัฐฯหลายคนถูกห้ามกลับเข้าประเทศสหรัฐฯหลังการเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากนี้คำสั่งห้ามเดินทางดังกล่าวถูกบังคับใช้โดยไม่มีการปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือสภาคองเกรสก่อน ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้จากสมาชิกหลายคนของสภาคองเกรส
ทีมต่างประเทศ
แฟ้มภาพ