หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับสนองพระราชโอง เรื่องการกำหนดวันสำคัญของชาติไทย หลังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม กำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เป็นวันชาติ และเป็นวันพ่อแห่งชาติ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการด้วย
ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ได้มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอขยายระยะเวลามาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จากการขอวีซ่าบริเวณช่องทางการผ่านเข้าออก โดยได้ลดราคา จำนวน 1,000 บาท ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะหมดอายุในวันที่ 28 ก.พ. โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามองว่าการลดค่าธรรมเนียมวีซ่านั้น ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.40 สร้างโอกาสการจับจ่าย สร้างรายได้ทางภาษีจากการใช้จ่าย ทำให้เศรษฐกิจในประเทศมีเงินสะพัด จึงขยายมาตรการออกไป อีก 6 เดือน อย่างไรก็ตามการลดราคาขอวีซ่า แม้จะสร้างได้จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว แต่ก็ทำให้ขาดรายได้จากการทำวีซ่า อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็มีภาระเพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรีจึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือถึงวิธีการนำรายได้ไปชดเชยส่วนที่กระทรวงการต่างประเทศจะขาด จากการลดราคาทำวีซ่า ซึ่งสูญเสียรายได้ กว่า 7,500 ล้านบาท
ด้านกระทรวงแรงงานขอความเห็นชอบข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยสาระคือกำหนดขยายเวลาสัญญาการจ้างงานจาก 2 ปี เพิ่มออกไปอีก 2 ปี ซึ่งเมื่อครบกำหนดตามสัญญาจ้างแล้ว แรงงานต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา เป็นเวลา 30 วัน จึงจะสามารถเดินทางกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้อีกครั้ง โดยการพักอาศัยในประเทศไทยต้องเป็นไปตามกฎหมาย และหากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างประเทศ ต้องเจรจากันอย่างสมานฉันท์ ทั้งนี้พบว่าปัญหาแรงงานเมื่อเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย จะได้รับใบอนุญาตการทำงานชั่วคราวก่อน จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งมีความล่าช้า จากทางประเทศต้นทาง นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องเจรจากับประเทศต้นทาง ให้ขึ้นทะเบียนแรงงาน ก่อนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อพิสูจน์สัญชาติและลดปัญหาความล่าช้าลง
คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบแนวทางการดึงดูด ผู้มีความสามารถให้เข้ามาเป็นพนักงานราชการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเสนอ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจ้างพนักงานราชการที่เกษียณอายุแล้ว แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เข้ามาทำงานเป็นที่ปรึกษา โดยจะขยายขอบเขตกลุ่มเป้าหมายจากข้าราชการที่เกษียนอายุแล้ว เป็นผู้ที่ได้รับรางวัลการประกวดจากองค์กรสถาบันที่ได้รับการยอมรับ ผู้มีคุณวุฒิพิเศษที่ขาดแคลนจำเป็นต่อตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งผู้สำเร็จการศึกษาสถาบันชั้นนำในและต่างประเทศ สอดคล้องตามที่รัฐบาลมีความต้องการจะบริหารพัฒนาทรัพยากรบุคคล ให้มีคุณภาพมากขึ้น และลดปริมาณข้าราชการให้เหมาะสมตามสัดส่วนที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังหารือถึงการดูแลสื่อจากองค์กรด้านสื่อมวลชน จากกระแสข่าวเรื่องเงินคงคลังของรัฐบาล และมีการนำเสนอข่าวจากสื่อมวลชนบางสำนัก ซึ่งในเรื่องนี้ถือ เป็นความมั่นคงของประเทศ และความเชื่อมั่นจากต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย จึงอยากให้องค์กรสื่อมวลชน มีวิธีบริหารจัดการในเรื่องนี้ เพราะสื่อมวลชนเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศ สังคมจะได้รู้สึกดีใจที่ทุกฝ่ายมีส่วนช่วยให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้า