รัฐบาลสหรัฐปกป้องคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐในการห้ามการเดินทางว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อปกป้องพลเมืองอเมริกัน และเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์เขต 9 มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ยับยั้งคำสั่งประธานาธิบดีนั้นเป็นการกระทำที่ผิดพลาด โดยเมื่อวันอาทิตย์ ศาลปฏิเสธคำร้องอุทธรณ์ของรัฐบาล แต่ศาลให้รัฐวอชิงตันและมินนิโซตายื่นเอกสารเพิ่มเติมในวันจันทร์ และให้รัฐบาลยื่นเอกสารภายในวันอังคารตามเวลาประเทศไทย เพื่อประกอบการพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
แต่ในเวลาเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยีเกือบ 100 แห่งในสหรัฐอเมริกา ร่วมด้วยแกนนำพรรคเดโมแครตอาทิ จอห์น แคร์รี และนางเมเดลีน อัลไบรต์ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมลงลายมือชื่อในคำร้องต่อศาล เรียกร้องให้ศาลระงับคำสั่งชั่วคราวของประธานาธิบดีที่ห้ามพลเมือง 7 ประเทศมุสลิมและผู้ลี้ภัยเข้าสหรัฐ
โดยเมื่อวันอาทิตย์ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจากซิลิคอนวัลเลย์ 97 แห่ง อาทิ แอปเปิล, เฟซบุ๊ก, กูเกิล, ไมโครซอฟท์ และทวิตเตอร์ ได้ยื่นคำร้องคัดค้านทางกฎหมายต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐ โดยระบุว่า บริษัทพึ่งพาบุคลากรชาวต่างชาติเป็นหลัก คำสั่งของประธานาธิบดีจึงสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจอเมริกัน นวัตกรรมและการเติบโต เพราะกระทบต่อการว่าจ้างและเก็บรักษาผู้ที่มีความสามารถเหล่านี้ไว้ นอกจากนี้บริษัทที่ร่วมลงชื่อในคำร้องยังมี แอร์บีเอ็นบี, ดรอปบ็อกซ์, อีเบย์, อินเทล, คิกสตาร์ตเตอร์, ลิงด์อิน, โมซิลลา, ลิฟต์, เนตฟลิกซ์, เพย์พาล, อูเบอร์ และเยล์ป
ขณะที่ในกลุ่มนักการเมืองและบุคคลทั่วไปที่ร่วมลงลายมือชื่อมีความเห็นว่า คำสั่งของประธานาธิบดีทำลายความมั่นคงของประเทศสหรัฐ
...