ก.ยุติธรรมสหรัฐฯจะยื่นญัตติฉุกเฉิน ยุติคำสั่งผู้พิพากษาที่สั่งระงับคำสั่งห้าม7ประเทศมุสลิมของปธน.ทรัมป์

04 กุมภาพันธ์ 2560, 11:05น.


หลังจากที่ นายเจมส์ โรบาร์ต ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯประจำเมืองซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน มีคำพิพากษาให้ระงับอำนาจพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในการระงับออกวีซาเป็นเวลา 90 วัน ให้แก่พลเมืองจากอิรัก อิหร่าน ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม การระงับตั้งถิ่นฐานของผู้ลี้ภัยจากทุกสัญชาติเป็นเวลา 120 วัน แต่หากเป็นชาวซีเรียจะถูกปฏิเสธ อย่างไม่มีกำหนด



ด้านนายโนอาห์ เพอร์เซลล์ อัยการสูงสุดรัฐวอชิงตัน กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลรัฐบาลกลางในเมืองซีแอตเทิล มีผลบังคับใช้ทันทีทั่วประเทศ และแสดงความหวังว่ารัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน จะปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวอย่างเคร่งครัด



นายบ็อบ เฟอร์กูสัน อัยการสูงสุดรัฐวอชิงตัน ยื่นเรื่องขอให้ศาลสั่งให้มาตรการสำคัญในคำสั่งฝ่ายบริหารของนายทรัมป์เป็นโมฆะ เนื่องจากละเมิดสิทธิการเข้าเมืองและสิทธิของครอบครัวตามที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ



ล่าสุด ทำเนียบขาว ออกถ้อยแถลงว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่โหดร้าย กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ จะยื่นญัตติฉุกเฉิน ในเรื่องนี้ เพื่อยุติคำสั่งของผู้พิพากษาที่มีผลบังคับใช้ทันที



ก่อนหน้านี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือ วีซา ไปแล้วประมาณ 60,000 เล่ม หลังจากคำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์



กรณีการสั่งระงับคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที ส่งผลให้พลเมืองจาก 7 ประเทศดังกล่าวสามารถยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ได้ตามปกติตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากทำเนียบขาวออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า จะยื่นญัตติฉุกเฉินเพื่อยุติคำสั่งศาลโดยเร็วที่สุด แต่ล่าสุด มีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจจะไม่ยื่นญัตติฉุกเฉินในระยะเวลาใกล้นี้ เพื่อล้มคำตัดสินของผู้พิพากษาศาลในนครซีแอตเทิล



คำสั่งศาลดังกล่าวได้สร้างความยินดีให้กับชาวอเมริกันหลากหลายกลุ่ม โดยนายเจย์ อินส์ลี ผู้ว่าการวอชิงตัน ขานรับคำตัดสินดังกล่าว โดยระบุว่า ไม่มีบุคคลใดแม้แต่ประธานาธิบดี ที่จะอยู่เหนือกฎหมายได้ ทั้งนี้ คำสั่งห้ามของประธานาธิบดีทรัมป์ได้สร้างความวุ่นวายและก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศ



ขณะที่ คณะผู้บริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้ว่า เพื่อป้องกันชาวอเมริกันจากภัยคุกคามด้านความมั่นคง แต่ผู้ไม่เห็นด้วยกลับแย้งว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเลือกปฏิบัติทางศาสนา ล่าสุด ชาวอเมริกันทั้งวัยรุ่นและผู้สูงอายุจากหลากหลายเชื้อชาติ รวมถึงชาวมุสลิมหลายร้อยคนได้ออกมาเดินขบวนในนครนิวยอร์กเป็นวันที่ 2 เพื่อต่อต้านนโยบายคำสั่งห้ามของประธานาธิบดีทรัมป์



CR:AP

ข่าวทั้งหมด

X