โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือ วีซา ไปแล้วประมาณ 60,000 เล่ม หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งคณะผู้บริหารห้ามประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิม ได้แก่ อิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน และระงับสิทธิผู้ลี้ภัยเดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลาอย่างน้อย 120 วัน จนส่งผลให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักไปทั่วโลก ทั้งยังสร้างความสับสนวุ่นวายตามสนามบินต่างๆ ล่าสุดรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีเยล มาน บอนเดวิก ของนอร์เวย์ ซึ่งถูกกักตัวอยู่ที่สนามบินในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นเวลา 1 ชม. เมื่อวันอังคาร เพื่อถูกสอบสวนกรณีหนังสือเดินทางทูตลงประทับตราวีซาอิหร่าน ทั้งที่เดินทางมาร่วมงาน “วันสวดมนต์เช้าแห่งชาติ” ประจำปี ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ก็เข้าร่วมด้วย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้แจงว่า การยกเลิกวีซามีระยะเวลาเพียงชั่วคราว ผู้ที่ขอวีซาไม่ต้องขอวีซาใหม่ โดยจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้งหลังผ่านพ้นไปแล้ว 90 วัน
ขณะที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิชี้แจงว่า คำสั่งนี้ไม่ครอบคลุมผู้ที่ถือกรีนการ์ด หรือ บัตรประจำตัวของผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในสหรัฐฯ และบุคคลจาก 7 ประเทศดังกล่าวที่ถือ 2 สัญชาติ วันเดียวกัน สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ 5 คน ทำหนังสือถึงนายเจมส์ แม็ตทิส รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ว่า คำสั่งดังกล่าวอาจเปิดช่องให้กลุ่มมุสลิมนิยมแนวทางรุนแรงใช้เป็นข้ออ้างว่า สหรัฐฯ ประกาศสงครามต่อต้านมุสลิม ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ IS
ทีมต่างประเทศ
CR:INDEPENDENT