กฟผ.จะลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับบุคคลคิดต่าง สร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน กระบี่

การแลกเปลี่ยนมุมมองจากบุคคลในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ในการเสวนาหัวข้อ ชาวกระบี่มองอย่างไรกับการพัฒนาพลังงานในพื้นที่ จัดขึ้นโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)   นายอนุชาติ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จุดสำคัญของการพัฒนาพลังงานในพื้นที่จังหวัดกระบี่ คือสร้างความเข้าใจกับบุคคลที่มีความเห็นต่าง ยังกังวลว่าเทคโนโลยีการพัฒนาถ่านหินจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งด้านอาชีพ การทำประมง การท่องเที่ยว ซึ่งแท้จริงแล้ว เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถที่จะป้องกันผลกระทบได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย จะเร่งสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ โดยการลงไปพูดคุยในระดับชุมชน เช่นเดียวกับการจัดเสวนาในวันนี้ก็เป็นอีกช่องทาง ที่จะสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนทั่วไป โดยคาดหวังว่าจะได้เห็นมุมมองของผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากผู้สนใจ ทั้งนี้ส่วนตัวแล้ว มีความเห็นว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหิน มีความจำเป็นที่จะต้องทำควบคู่กับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนให้เดินหน้าไปพร้อมกัน

ด้านนายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ แสดงความเห็นว่า จังหวัดกระบี่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 30 เช่นเดียวกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีขยายตัว พลังงานจึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อภาคใต้ฝั่งอันดามัน โดยส่วนตัว เห็นด้วยกับการพัฒนาพลังงานในจังหวัดกระบี่ เพราะคิดว่าไม่มีสิ่งที่น่าเป็นกังวล เนื่องจากขณะนี้มีเทคโนโลยีที่ก้าวไกลแล้ว มั่นใจว่าสามารถขจัดปัญหาที่หลายคนกังวลได้ อย่างไรก็ตามหลายคนคงเคยประสบปัญหาไฟฟ้าดับ เมื่อปี 2556 มาแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ จึงอยากให้นึกถึงภาพชีวิตความเป็นอยู่ในอนาคตว่าหากขาดไฟฟ้าแล้ว จะเป็นอย่างไร รวมไปถึง การท่องเที่ยว ธุรกิจต่างๆ ด้วย ส่วนความกังวลถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยวหากมีการพัฒนาพลังงานขึ้นนายกีรติศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยกับการพัฒนา และไม่ได้กังวลถึงผลกระทบใดๆ ทั้งนี้การจะพัฒนาสิ่งต่างๆได้ อยู่ที่คนเป็นส่วนสำคัญ แน่นอนที่มีความคิดเห็นต่างกัน แต่หากไม่มีพื้นที่ใดที่รองรับการพัฒนาพลังงาน ก็คงไม่มีพื้นที่ตั้งแหล่งพลังงานให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้า พร้อมเสนอว่า หากมีการพัฒนาเกิดขึ้นควรที่จะมีสิ่งตอบแทนให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น การปรับลดราคาค่าไฟ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

ขณะที่นายสมเกียรติ กิตติธรกุล นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกระบี่และประธานสโมสรกระบี่เอฟซี กล่าวว่า หากจะมีการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าที่จังหวัดกระบี่ สิ่งสำคัญคือ ต้องให้ประชาชนได้รับรู้ถึงความสำคัญของการสร้างโรงไฟฟ้า สาเหตุหนึ่งที่ประชาชนบางส่วนปฏิเสธเรื่องการพัฒนาพลังงาน เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ยังไม่เข้มงวดจริงจัง  ในการดูแลด้านต่างๆ แต่หากทุกภาคส่วนพยายามสร้างความเชื่อมั่น ทั้งเรื่องความจำเป็นของพลังงานไฟฟ้า ที่หากคาดแคลนจะเกิดผลกระทบอย่างไร  โดยต้องยอมรับว่าความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยาก สิ่งที่ทำได้คือต้องพิสูจน์ให้ประชาชนมั่นใจ อย่างไรก็ตามการมีโรงไฟฟ้าย่อมเกิดทั้งผลดีและผลเสีย แต่ประชาชนเองต้องเชื่อมั่นว่า ถ้าเกิดผลเสียขึ้นมา จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันที่ทันสมัย ขอเพียงให้รู้จุดบกพร่องเท่านั้นเอง รวมทั้งต้องคำนึงว่า จังหวัดกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยว คงอยู่ไม่ได้หากขาดพลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ทุกอย่างจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ถ้าทุกฝ่ายหันหน้าพูดคุยอย่างไม่มีอคติ เพื่อรับฟังปัญหากันและกัน และในฐานะที่เป็นผู้ทำธุรกิจในจังหวัดกระบี่ สำหรับตนเองแล้วหากมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าขึ้น คงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และเชื่อว่าภาคธุรกิจ ร้อยละ 95 ก็คงเห็นด้วยกับการพัฒนาพลังงานครั้งนี้