ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างนายเควิน ลูอิส โฆษกของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯว่าในแง่ของหลักการ นายโอบามาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรื่องการควบคุมคนเข้าเมือง ระบุว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯเห็นด้วยกับกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งคัดค้านเรื่องนี้ตามสนามบินต่างๆของสหรัฐฯเพื่อแสดงความไม่พอใจกรณีนายทรัมป์ลงนามในคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แถลงการณ์ระบุว่านายโอบามาไม่เห็นด้วยกับทัศนะเรื่องการจำกัดสิทธิ์ของผู้คนด้วยเหตุผลทางลัทธิความเชื่อหรือศาสนา เพิ่มเติมว่านายโอบามารู้สึกว่ากลุ่มผู้ประท้วงได้ลุกขึ้นมาปกป้องสิ่งที่พวกเขามองว่ากระทบต่อค่านิยมร่วมกันของชาวอเมริกัน
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นายโอบามาซึ่งได้ส่งมอบอำนาจให้กับนายทรัมป์เมื่อ 10 วันก่อน ได้วิจารณ์ผู้นำคนปัจจุบัน ถือว่าทำลายกติกาข้อหนึ่งในสังคมการเมืองอเมริกันแม้ว่าจะไม่มีการเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างแจ้งชัดคือ อดีตประธานาธิบดีจะไม่วิพากษ์วิจารณ์ผู้นำคนปัจจุบันและนับเป็นการออกแถลงการณ์ครั้งแรกของนายโอบามานับตั้งแต่พ้นจากตำแหน่ง แถลงการณ์ยังปฏิเสธข้อเปรียบเทียบระหว่างคำสั่งเกี่ยวกับนโยบายคนเข้าเมืองชั่วคราวเมื่อปีพ.ศ.2554ซึ่งนายโอบามาลงนามในคำสั่งห้ามเฉพาะพลเมืองอิรักเข้าสหรัฐฯชั่วคราว
แต่คำสั่งของนายทรัมป์ มีผลกระทบกว้างไกลกว่าคือห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม(อิหร่าน,อิรัก,ซีเรีย,ซูดาน,ลิเบีย,เยเมนและโซมาเลีย)ไม่ให้เข้าสหรัฐฯชั่วคราว โดยนายโอบามาใช้แนวทางสายกลางคือ การติดต่อสัมพันธ์กับผู้นำการเมืองของอิรักอย่างต่อเนื่อง แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาเลี่ยงที่จะยกเลิกนโยบายทั้งหมดของผู้นำคนก่อนคือ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ขณะเดียวกันอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ก็ไม่เคยวิจารณ์นายโอบามาตลอด 8 ปีที่บริหารประเทศเช่นกัน แต่สัมพันธ์ระหว่างนายโอบามากับนายทรัมป์คงจะแตกต่างไป และชัดเจนว่านายโอบามาจะติดตามข่าวการเมืองและวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบายรัฐบาลของนายทรัมป์อย่างต่อเนื่อง