+++หลังจากรัฐบาล จัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปีงบประมาณ 2560 วงเงิน 190,000 ล้านบาท นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2560 ขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3.6 โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.1-4.1 จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ 3.4 เนื่องจากได้รับแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า จะสามารถเบิกจ่ายได้อย่างน้อยร้อยละ 65-70 และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมใหม่ ๆ กว่า 36 โครงการวงเงินรวม 8 แสน 90,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังมีแรงสนับสนุนแนวโน้มรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และแนวโน้มการจ้างงานและรายได้นอกภาคการเกษตรที่อยู่ในเกณฑ์ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาพรวม คาดว่าจะเป็นแรงสนับสนุนให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 3 ประกอบกับเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าส่งออก ทำให้ สศค.ปรับเพิ่มตัวเลขมูลค่าส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ 2.5 จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ1.8 สศค.เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 ยังมีโอกาสขยายตัวถึงร้อยละ 4 เพราะปีนี้โครงการต่าง ๆ ของภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย บรรยากาศการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวัน โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกและลบ ประกอบด้วยมูลค่าซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ส่วนหนึ่งมาจากตลาดหุ้นหลายประเทศหยุดทำการช่วงเทศกาลตรุษจีน เช่น ฮ่องกง, จีน, สิงคโปร์ เป็นต้น จนมีผลต่อกระแสเงินต่างชาติ ที่เข้ามาสู่ในภูมิภาคนี้ ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ 1,590.56 จุด ลดลง 0.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,326.71 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ปรับตัวลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิเคอิ ปิดลบ 98.55 จุด แตะที่ 19,368.85 จุด
+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีของการให้สินบนของบริษัทโรลส์-รอยซ์ ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)กำลังติดต่อขอข้อมูลจากต่างชาติ จากนั้นจะมาดูว่าจะดำเนินการอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.ดำเนินการเองได้ รัฐบาลเข้าไปยุ่งหรือแทรกแซงไม่ได้ ได้แต่ปราบปรามไม่ให้มีการกระทำเช่นนี้อีก
+++การเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. เปิดเผยว่า สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง สำนักงาน ป.ป.ช. จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งจำนวน12 ราย ได้แก่ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง จำนวน 9 ราย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กรณีพ้นจากตำแหน่ง จำนวน 3 ราย และสนช. กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี จำนวน 1 ราย ให้สาธารณชนทราบ ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. – 14 ก.พ. ระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. ณ ห้องแสดงบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนนนทบุรี อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
+++พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า หลังจากเกิดกรณีรถเฉี่ยวชนนางเถาวัน ธะนันไชย ลูกจ้างประจำตำแหน่งพนักงานกวาด เขตสายไหม จนทำให้เสียชีวิต เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 ม.ค. ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องประสาน สน.ท้องที่ เร่งนำผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยได้มีการสืบจากกล้องวงจรปิดของกทม. และกล้องวงจรปิดของเอกชนบริเวณดังกล่าว พบว่ารถที่เฉี่ยวชน คือ รถยี่ห้อ MG ทะเบียน 6247 กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อเช้านี้ (30 ม.ค.) ผู้ต้องหารับสารภาพและได้เข้ามอบตัวพร้อมรถของกลางที่ สน.คันนายาวแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหา 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ขับรถโดยประมาท 2.เฉี่ยวชนแล้วหลบหนี 4.ขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด และ4.เมาแล้วขับรถ ส่วนเรื่องของคดีจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในส่วนกทม.ได้ดูแลเยียวยาผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของกทม. โดยจากการคำนวณสิทธิประโยชน์ เบื้องต้นผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินช่วยเหลือจากทางราชการประมาณ 1.6 ล้านบาท และได้กำชับให้พิจารณาสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับอย่างครบถ้วนต่อไป นอกจากนี้ จะได้เจรจากับผู้ก่อเหตุ ถึงการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย และขอฝากเตือนไปถึงผู้ขับขี่รถให้ระมัดระวังในการขับรถ เพราะหากไม่มีพนักงานกวาดถนนช่วยดูแลความสะอาดของบ้านเมืองขยะจะเต็มไปหมด
+++ด้านนางสาวตรีดาว อภัยวงศ์ โฆษกกทม. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะผู้บริหารวันนี้ ได้พิจารณาเรื่องของการดูแลสิทธิประโยชน์ข้าราชการและบุคลากรกทม. ซึ่งถึงแก่กรรมในขณะปฏิบัติหน้าที่ กรณีนางเถาวัน ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำตำแหน่งพนักงานกวาด เขตสายไหมนั้น ผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้กำชับให้พิจารณาเลื่อนขั้นเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากเป็นการเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน
+++สำหรับกรณีผู้อำนวยการเขตพระนครที่เสียชีวิตระหว่างการนำข้าราชการออกกำลังกาย ผู้ว่าฯ กทม.ได้สั่งการให้พิจารณาเป็นกรณีพิเศษเป็นรายบุคคล ขณะนี้ได้เสนอขอเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามระเบียบ คือ ไม่เกิน 2 ขั้น เมื่อได้รับอนุมัติแล้วก็จะนำขั้นเงินเดือนมาคำนวณ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือจากทางราชการให้กับครอบครัวของผู้อำนวยการเขตพระนคร โดยจะเป็นอัตราสูงสุดที่กทม.สามารถดำเนินการได้
+++ผลการประชุมคณะผู้บริหารกทม.ถึงการแก้ไขปัญหากรณีรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้า นางสาวตรีดาว กล่าวว่า สำนักเทศกิจได้มีหนังสือเวียนแจ้งให้สำนักงานเขตกวดขัน ไม่ให้มีการจอดหรือขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือล้อเลื่อนบนทางเท้า โดยเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ จัดทำป้ายข้อความติดตั้งในจุดที่ประชาชนมองเห็นได้อย่างชัดเจน และกระจายเสียงให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
+++ในกรณีพบมีผู้จอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือล้อเลื่อน บนทางเท้าแต่ไม่พบตัวเจ้าของหรือผู้ครอบครอง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายรถดังกล่าวไปเก็บไว้ที่สำนักงานเขต โดยให้ลงบันทึกประจำวัน ที่สถานีตำรวจท้องที่ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อผู้กระทำความผิดมาขอรับรถคืน ให้สำนักงานเขตดำเนินการเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิด ถ้าไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบหรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระค่าปรับภายใน 15 วัน ให้ดำเนินคดีเพื่อฟ้องร้องต่อไป
+++กรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามห้ามพลเมืองจากซีเรีย อิรัก อิหร่าน เยเมน ลิเบีย โซมาเลียและซูดานเข้าสหรัฐฯ แม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าเป็นคำสั่งชั่วคราวและไม่ใช่คำสั่งห้ามมุสลิมเข้าประเทศ เพราะยังมีประเทศมุสลิมอีกกว่า 40 ประเทศไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้
+++ปฎิกิริยาจากหลายๆประเทศ นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรและนายซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรได้ประณามว่าเป็นเรื่องที่น่าตำหนิและโหดร้ายเกินไป
+++ด้านนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของสหราชอาณาจักร ไม่ได้ประณามเรื่องนี้โดยตรง แต่สั่งการให้นายจอห์นสันและนายอัมเบอร์ รูดด์ ปลัดกระทรวงความมั่นคงภายในให้ประสานกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเพื่อคุ้มครองสิทธิ์ของพลเมืองสหราชอาณาจักร
+++ด้านนายข่าน ซึ่งเป็นชาวมุสลิมและเป็นผู้วิจารณ์นโยบายของนายทรัมป์มาหลายครั้งระบุว่าแม้ว่าทุกประเทศมีสิทธิ์จะกำหนดนโยบายเข้าเมืองของตัวเอง แต่นโยบายใหม่ของนายทรัมป์ขัดแย้งกับหลักการเรื่องเสรีภาพและการเปิดใจกว้างซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯส่งเสริมมาตลอด ล่าสุดประชาชนในสหราชอาณาจักร ร่วมลงชื่อผ่านระบบออนไลน์กว่า 1 ล้านชื่อ คัดค้านไม่ให้นายทรัมป์เยือนสหราชอาณาจักรในอนาคต สภาผู้แทนราษฏรสหราชอาณาจักร จะเปิดอภิปรายประเด็นนี้ในวันพรุ่งนี้ การวิจารณ์ดังกล่าวมีขึ้นเพียง 2 วันหลังนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรพบปะนายทรัมป์อย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายชื่นชมสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองว่ามีความพิเศษอย่างยิ่ง
+++ด้านนายสเตฟเฟน ไซเบิร์ต โฆษกของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งห้ามนั้นเช่นกัน ในการโทรศัพท์คุยกับนายทรัมป์เมื่อวันเสาร์ นางแมร์เคิล อธิบายถึงข้อผูกมัดของสหรัฐฯภายใต้สนธิสัญญาเจนีวา ว่าด้วยเรื่องผู้อพยพ ระบุว่า ผู้นำเยอรมนีเสียใจที่ผู้นำสหรัฐฯตัดสินใจเช่นนั้น นางแมร์เคิลเชื่อว่าการจำกัดสิทธิ์ของพลเมืองบางประเทศหรือสงสัยไปเองว่าพลเมืองกลุ่มนั้นมาจากประเทศที่เคยก่อการร้ายแล้วใช้มาตรการนี้เพื่อป้องปรามเหตุก่อการร้ายไม่น่าจะเป็นธรรมสำหรับพวกเขา
+++ด้านนายฌอง-มาร์ก เอโรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุว่าการเปิดบ้านต้อนรับผู้อพยพถือว่าเป็นภารกิจที่รัฐต้องทำเพื่อสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของสังคม ระบุว่า กลุ่มก่อการร้ายเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวสัญชาติและการกีดกันมุสลิมก็ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
เเฟ้มภาพ สศค.