หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ สานต่อความสัมพันธ์ทางการทูตครบ130ปีผ่านโครงการส่งต่อสายใย

30 มกราคม 2560, 17:44น.


ความสัมพันธ์ที่ดีทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ทำให้ในวันนี้ นายชินโกะ ซาโตะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานโครงการส่งต่อสายใย เปิดเผยว่า ประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อันดีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2430 และในปีพ.ศ.2560 เป็นที่ครบรอบ 130 ปี หอการค้าญี่ปุ่น จึงได้จัดทำโครงการ ส่งต่อสายใย จำนวน 4 โครงการ เป็นเงินงบประมาณ 120 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 10 ปี ได้แก่ โครงการส่งต่อสายใยเพื่อเด็กและเยาวชน, โครงการส่งต่อสายใย ด้านสังคมสงเคราะห์, โครงการส่งต่อสายใย ด้านประวัติศาสตร์ไทย และโครงการส่งต่อสายใย เพื่อคนไทย ซึ่งใน 4 โครงการใหญ่นี้ จะประกอบไปด้วย 11 โครงการย่อย





นายชินโกะ ซาโตะ ระบุว่า งบประมาณในการดำเนินโครงการ 120 ล้านบาท ถือเป็นเงินงบประมาณในการทำโครงการช่วยเหลือสังคมที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ ถือว่าเป็นการคืนกำไรให้กับสังคมไทย เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทญี่ปุ่นกว่า 5 พันแห่ง เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ





ด้านนายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ระบุว่า ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น มีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ตัวเองในฐานะที่เป็นทูต รู้สึกยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่หอการค้าทั้งสองประเทศจัดโครงการส่งต่อสายใยขึ้นมา โดยโครงการดังกล่าว สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะโครงการสนับสนุนการฝึกอบรม และการจ้างงานผู้พิการ ที่มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์ ให้แก่โรงเรียนการอาชีพคนตาบอดขอนแก่น และโครงการมวยไทชิ ที่เป็นการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม





ขณะที่นายกลินท์ สารสิน นายกสมาคมไทย-ญี่ปุ่น กล่าวถึง การส่งเสริมด้านประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในไทยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้สนับสนุนประเทศไทยหลายด้าน โดยเฉพาะการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่น ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เป็นสิ่งสะท้อนถึงการตั้งรกรากของคนญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการส่งต่อสายใย ที่จะมีการบูรณะ ซ่อมแซม ปรับปรุงทัศนียภาพ และการนำเสนอประวัติศาสตร์ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยด้วยระบบเสมือนจริง โดยใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งใช้งบประมาณรวม 6 ล้าน 5 แสนบาท คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในปีนี้ และจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วย





ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข



 

ข่าวทั้งหมด

X