นักวิชาการ มองแนวโน้มการคัดกรองเดินทางเข้าสหรัฐจะเข้มข้นขึ้น

กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งชั่วคราวห้ามพลเมือง 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า เป็นการออกคำสั่งตามนโยบายตามที่หาเสียงไว้ ในประเด็นการคัดกรองบุคคลที่มาจากประเทศต้องสงสัยว่าสนับสนุนการก่อการร้าย โดยเฉพาะการใช้คำสั่งประธานาธิบดี ที่ให้มีผลในทันที ซึ่งเป็นการทำงานอย่างรวดเร็วที่ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้มีผบกระทบโดยตรงต่อผู้ที่อยู่ในระหว่างการเดินทาง ที่ต้องตกค้างอยู่ในสนามบินของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนสนามบินอีกหลายแห่งที่เป็นจุดต่อเครื่องบิน ทำให้ศาลต้องออกคำสั่งให้สิทธิพักพิงชั่วคราวเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด และช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในสนามบินเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม ดร.ปณิธานเชื่อว่า หลังจากนี้สหรัฐอเมริกาจะมีการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศที่เข้มข้นขึ้น เพื่อสกัดกลุ่มผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย นอกจากนี้ แม้คำสั่งนี้จะเป็นคำสั่งชั่วคราวของประธานาธิบดี แต่ก็สามารถขยายเวลาในการบังคับใช้ออกไปได้ และเชื่อว่า สุดท้ายแล้วจะต้องมีการเจรจาเพื่อผ่อนผัน

ในส่วนของประเทศไทย มีการสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาตั้งแต่ที่มีการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว และในภาคธุรกิจมีการประเมินแล้วว่า ชัยชนะของประธานาธิบดีทรัมป์ จะทำให้เกิดความกังวลในเรื่องการตั้งกำแพงภาษี กับการดึงเงินลงทุนกลับ แต่โดยรวมแล้วจะเป็นผลกระทบด้านบวก เนื่องจากผู้นำสหรัฐมีความเป็นนักธุรกิจสูง และไม่นำเรื่องนาวทางการบริหารประเทศ และแนวทางสิทธิมนุษยชน เข้ามาเป็นปัจจัยในการกำหนดนโยบายเหมือนกับที่เกิดขึ้นในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเห็นว่า แม้ไทยจะไม่ใช่ 7 ประเทศ ที่ถูกห้ามเข้าสหรัฐ แต่การที่เป็นประเทศในเอเชียก็ถูกจับตามองว่า เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าไปแย่งงานพลเมืองอเมริกันเช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องมีความระมัดระวังเช่นกัน 

...

จส.100