*ไซเตส ขีดเส้นให้ไทยแก้ปัญหาลักลอบค้างาช้าง มิเช่นนั้นไทยเสี่ยงถูกห้ามค้าขายพืชและสัตว์ป่ากับนานาชาติ*

12 กรกฎาคม 2557, 08:41น.


สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานการประชุมองค์กรอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์(ไซเตส) ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์  โดยการประชุมหารือครั้งนี้เน้นเกี่ยวกับการค้าสัตว์และพืชที่เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ และงาช้างเป็นประเด็นที่สร้างความวิตกมานาน หลังการประชุมเสร็จสิ้น ที่ประชุมไซเตส ออกแถลงการณ์ระบุว่า ไทยเสี่ยงถูกห้ามค้าขายพืชและสัตว์ป่ากับนานาชาติ หากไม่ควบคุมการลักลอบค้างาช้าง นายออยสไตน์ สโตร์เคอร์เซน ประธานคณะกรรมการบริหารไซเตส กล่าวว่า ประเทศไทยละเลย ไม่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังมาหลายปีแล้ว  ในการควบคุมตลาดค้าขายงาช้างผิดกฎหมาย รวมทั้งการนำเข้างาช้าง และการค้าขายงาช้างภายในประเทศไทย ไซเตสกำหนดขีดเส้นตายให้ไทยดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างประเทศให้เห็นผล ภายในเดือน ส.ค. 2558 และต้องทำรายงานเสนอต่อไซเตส ในเดือน ม.ค. ปีหน้า เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ไซเตสระบุว่าไทยไม่พยายามเพียงพอ  ทั้งนี้ หากไม่มีผลในทางบวก ในการดำเนินการตามกฎหมาย ไทยจะเผชิญคำสั่งห้ามและระงับ การค้าขายสินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ในบรรดาพืชและสัตว์ 35,000 ชนิด ที่ไซเตสขึ้นบัญชีไว้  นายสโตร์เคอร์เซน กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณที่เอาจริงกับทางการไทย ในบรรดาพืชและสัตว์ในบัญชีจับตามองของไซเตสคือ กล้วยไม้และไม้ต่างถิ่นอีกหลายชนิด ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย นายสโตร์เคอร์เซน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งดึงดูดงาช้างแอฟริกา ด้วยการนำเข้างาช้างที่ซื้อโดยชาวต่างชาติ จากนั้นก็ขายต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ด้านนายจอห์น สแกนลอน ประธานไซเตส กล่าวว่า ช้างจะสูญพันธุ์ไปจากหลายพื้นที่ของทวีปแอฟริกา เว้นแต่จะมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมมากขึ้น  พยายามป้องกันการลักลอบล่าช้างเพื่อเอางา และการลักลอบค้างาช้าง



CR. WWF Thailand

ข่าวทั้งหมด

X