+++ภายหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานเบื้องต้นของคณะทำงานสืบสวนและรวบรวมข้อมูลสินบนบริษัท โรลส์รอยซ์ กรณีการจ่ายสินบนการจัดซื้อเครื่องยนต์และเครื่องจักรแก่เจ้าหน้าที่รัฐในบริษัทการบินไทย และปตท. แต่ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมจากการประชุมเทเลคอนเฟอร์เรนซ์ในช่วงเย็นวันนี้ (26 ม.ค.) คณะกรรมการป.ป.ช.กำชับให้ระมัดระวังเรื่องการเปิดเผยข้อมูลกรณีดังกล่าวที่อาจไปกระทบกับความร่วมมือของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และสำนักงานปราบปรามการทุจริตของประเทศอังกฤษ(เอสเอฟโอ) เนื่องจากขณะนี้มีหลายหน่วยงานของไทยได้ประสานขอข้อมูลโดยตรงไปยังทั้งสองหน่วยงานมากเกินไป ทำให้ทั้งสองหน่วยงานสับสนว่า หน่วยงานใดของไทยจะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องดังกล่าว อาจเป็นปัญหาต่อป.ป.ช.ในการขอข้อมูล ป.ป.ช.สามารถประสานขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับล่างได้โดยตรง แต่เมื่อมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้หน่วยงานต่างประเทศไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลให้ ต้องขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อน ทำให้มีขั้นตอนเพิ่มขึ้นและยากขึ้น ดังนั้น หลังจากนี้อยากให้ทุกหน่วยงานต้องระวังในการให้ข่าว ไม่ให้กระทบต่อความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
+++นายสรรเสริญ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย เนื่องจากประเทศไทยมีโทษประหารชีวิตในคดีสินบน ซึ่งเป็นโทษที่ไม่เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ มองว่าป่าเถื่อน อาจมีปัญหาต่อการไม่ให้ข้อมูลผู้เกี่ยวข้องในการรับสินบนแก่ไทย ซึ่งป.ป.ช.พยายามชี้แจงว่า แม้ประเทศไทยจะมีโทษประหารชีวิตในคดีสินบน แต่ในทางปฏิบัติไม่เคยมีการประหารชีวิตในคดีสินบน เพื่อให้ต่างประเทศเข้าใจ ทั้งนี้ หลังจากที่ป.ป.ช.ได้ข้อมูลจากต่างประเทศและหน่วยงานภายในประเทศครบถ้วนแล้ว คณะทำงานจะมาดูขั้นตอนการจัดซื้อในแต่ละช่วงว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดเกี่ยวข้องในขั้นตอนการจัดซื้ออย่างไรบ้าง เพื่อนำไปหาข้อมูลว่า ใครเป็นผู้รับสินบน แม้ในข้อมูลจากรายงานของเอสเอฟโอ ไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง ระบุแค่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เชื่อว่า เอสเอฟโอมีข้อมูลว่าเป็นใคร ซึ่งเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.จะต้องไปประสานข้อมูลอีกที หวังว่าหลังจากได้พูดคุยกันแล้ว เขาจะไว้ใจกล้าเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเปิดโปงข้อมูลเรื่องนี้ แต่หากเอสเอฟโอไม่ยอมเปิดเผย ก็เป็นหน้าที่ป.ป.ช.ที่จะต้องไปติดตามหาหลักฐานเอง
+++รายงานข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แจ้งความคืบหน้าล่าสุดมาที่กระทรวงการต่างประเทศแล้วว่า ศาลญี่ปุ่นตัดสินรับพิจารณาคดีของนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ขโมยภาพเขียนมูลค่า 15,000 เยน จากโรงแรมในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น แล้ว โดยให้ควบคุมตัวนายสุวัฒเป็นเวลา 10 วัน เพื่อรอการไต่สวนคดี และในวันพรุ่งนี้( 27 ม.ค.)ทางการญี่ปุ่น นัดให้ผู้แทนของสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครโอซากา ไปเข้าพบผู้ต้องหาอีกครั้ง และหารือร่วมกับตำรวจ และอัยการต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่กงสุลไทยจะได้ถือโอกาสนี้พูดคุยสอบถามรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นจากตัวนายสุภัฒด้วย
+++กรณีทุจริตสอบนายสิบตำรวจ พลตำรวจตรีอดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสำนวนคดี หลังจากมีการออกหมายจับผู้กระทำผิดทำหน้าที่รับจ้างสอบจำนวน 52 คน ซึ่งทั้งหมดเข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว พลตำรวจตรีอดุลย์ เปิดเผยว่า จากพยานหลักฐาน นอกจากนายจิระพจน์ พลายด้วง เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตปทุมวัน และพวกรวม 52 คน ยังพบว่ามีกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง เช่น โรงเรียนกวดวิชา เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะของขบวนการใหญ่ แต่ยอมรับว่าพยานหลักฐานยังสาวไม่ถึง
+++ส่วนการสอบปากคำพยานไปกว่า 100 ปาก พอมีหลักฐานที่จะขอศาลออกหมายจับกลุ่มผู้รับจ้างทำข้อสอบแทนอีกจำนวนหนึ่ง คาดชัดเจน 1-2 วันนี้ ยืนยันจะเร่งรัดพิจารณาสำนวนคดีนี้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากพยานมีจำนวนมาก แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบสิทธิ์ผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือก นอกจากนี้ ประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.อายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหา เนื่องจากเข้าข่ายความผิดมูลฐานการฟอกเงิน
+++การเสียชีวิตของนายประเมิน ไกรรส ผู้อำนวยการเขตพระนคร คณะแพทย์วินิจฉัยแล้วว่านายประเมินมีภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน น่าจะเกิดจากเส้นเลือดหัวใจอุดตัน คณะแพทย์จึงสวนหัวใจ พบว่ามีเส้นเลือดหลักที่เลี้ยงหัวใจอุดตันและมีลิ่มเลือดเกิดขึ้น ได้นำลิ่มเลือดออก พร้อมขยายเส้นเลือดและใส่ขดลวดค้ำยัน เพื่อเปิดให้มีเลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจตลอดเวลาและเครื่องมือช่วยชีวิตอื่นๆ แต่ในที่สุดแล้วนายประเมินได้เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อเช้านี้ นางสายสุดา ไกรรส ภรรยาของนายประเมิน ได้เดินทางมารับศพนายประเมิน ไปประกอบพิธีรดน้ำศพที่ศาลา 10 วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ประมาณ 18.00 น. จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และในเวลา 19.00 น. มีพิธีสวดพระอภิธรรม โดยภรรยาและบุตรของนายประเมิน และสำนักงานเขตพระนคร รับเป็นเจ้าภาพ ซึ่งในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 2 ก.พ. จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.71 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,591 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,571.82 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 325.05 จุด ปิดที่ 23,374.17 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ ที่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 20,000 จุด
+++เช่นเดียวกับ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดพุ่งขึ้น 344.89 จุด แตะที่ 19,402.39 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.
+++บรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเคของญี่ปุ่น รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนฝึกซ้อมอพยพประชาชนเป็นครั้งแรกรับมือกรณีถูกเกาหลีเหนือโจมตีด้วยขีปนาวุธ ในเมืองโองะ จังหวัดอากิตะ ทางภาคเหนือของประเทศในวันที่ 17 มีนาคมนี้ บุคลากรจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี,สำนักงานดับเพลิงและบริหารจัดการอุบัติภัยและรัฐบาลท้องถิ่น จะเข้าร่วมการซ้อมอพยพในครั้งนี้ด้วย
+++เกาหลีเหนือ ปล่อยขีปนาวุธพิสัยไกลกว่า 20 ลูกเมื่อปีที่แล้ว หนึ่งในขีปนาวุธดังกล่าวตกในเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น นอกชายฝั่งของจังหวัดอากิตะ นอกจากนั้นเกาหลีเหนือพูดชัดเจนว่าพวกเขาอาจจะทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปในอนาคต
+++บีบีซี รายงานว่าทีมกู้ภัยสามารถเก็บกู้ 2 ศพสุดท้ายคือนายสเตฟาโน เฟนิเอลโล วัย 28 ปีและน.ส.อเลซซันโดร ริคเซตติ พนักงานต้อนรับวัย 33 ปี โดยทีมกู้ภัยเก็บทั้งสองศพจากซากอาคารโรงแรมริโกเปียโน ในแคว้นอาบรุซโซ ของอิตาลี หลังถูกหิมะถล่มทับเมื่อวันที่ 18 มกราคม ทำให้ขณะนี้มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 29 ศพ ในวันเกิดเหตุมีคนอยู่ในโรงแรม 40 คน มีผู้รอดชีวิต 11 คน ในจำนวนนี้ 9 คน รวมถึงเด็ก 4 คนได้รับความช่วยเหลือจากทีมกู้ภัยอย่างปลอดภัยหลังติดอยู่ใต้ซากอาคาร 2-3 วัน ผลการชันสูตรศพพบว่าส่วนใหญ่เสียชีวิตจากบาดแผลตามร่างกายเนื่องจากถูกอาคารถล่มทับ บางรายเสียชีวิตจากภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติและการขาดอากาศหายใจ
CR:KCNA