สรุปยอดประชาชนถวายสักการะพระบรมศพ กว่า3 ล้านคน/นายกฯประชุมปภ.วันนี้ ลงพื้นที่สุราษฎร์พรุ่งนี้ /

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น.

+++สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 34,820 คน รวม 82 วัน มี 3,615,976 คน มีประชาชนถวายเงินเพื่อ ร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 4,614,131.75 บาท รวม 82 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 304,504,330.54 บาท ความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศ ที่สนามหลวงฝั่งทิศใต้ พบว่าทีมช่างจากกรมศิลปากร ได้นำอุปกรณ์เครื่องมือหนักลงพื้นที่ก่อสร้างเกือบเต็มรูปแบบแล้ว โดยทีมช่างรับผิดชอบก่อสร้างพระเมรุมาศกล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มเทพื้นคอนกรีตฐานรากพระเมรุมาศไปแล้ว 4 จุด ประกอบด้วย บริเวณหอเปลื้อง 2 จุด ซ่าง 1 จุด จิตกาธาน 1 จุด ส่วนที่เหลือจะค่อยๆทยอยดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า

+++วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นประธานคการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ในวันที่ 25 ม.ค.ที่จะพิจารณาเพิ่มเงินเยียวยาให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า จะเพิ่มหรือไม่เพิ่มเงินเยียวยา รัฐบาลก็มีการช่วยตามมาตรการเดิม ซึ่งมติครม.เดิมให้จ่ายเงิน 3,000 บาท ที่เหลือค่อยไปดู ส่วนความเสียหายในการเกษตรมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 1 ล้านกว่าไร่ ก็จะไปดูว่าจะช่วยเขาอย่างไร ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ปี 2560 ครัวเรือนละ 3,000 บาท วงเงิน 2,800 ล้านบาทตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอ โดยในวันที่ 25 ม.ค. จะมีการแถลงรายละเอียดและแนวทางการช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบรัฐบาล

++++ส่วนในวันที่ 26 ม.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมคณะจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือแก่ตัวแทนผู้เสียชีวิตในจ.สุราษฎร์ธานี รายละ 50,000 และส่วนพื้นที่จังหวัดอื่นๆ นายกฯจะมอบเงินช่วยเหลือผ่านผู้ว่าฯเพื่อนำไปมอบต่อให้ตัวแทนผู้เสียชีวิตต่อไป

+++ปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ยังน่าเป็นห่วง แต่มี สัญญาณเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านน้ำ นายสุรพงษ์ สารปะ ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศกลาง ออกมาบอกว่า ปีนี้ฤดูกาลของประเทศไทยขยับ ธรรมชาติกำลังปรับสมดุล จากปรากฏการณ์เอลนีโญแล้งต่อเนื่องมา 3-4 ปี ขณะนี้กลับมาเป็นปรากฏการณ์ลานีญาอ่อนๆ ซึ่งเห็นได้ชัดฝนปลายปีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บวกกับสภาพการผันแปรอากาศโลก ลมหนาวไม่มาต่อเนื่อง มีผลให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้วหรือ Extream  Event มีฝนตกหนักภาคใต้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิด แต่ผลกระทบไม่รุนแรง เพราะประชากรไม่หนาแน่น  ที่น่าสนใจและควรตระหนักรับรู้อย่างยิ่ง คือการวิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนถึงระยะยาวกลางปีนี้ ประเทศไทยจะเจอภาวะแล้ง เพราะขณะนี้หลายพื้นที่เข้าสู่ภาวะแล้งแล้ว เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซาก แต่จะแล้งหนักแบบปี 2558 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการใช้น้ำ ถ้าใช้มากและไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ากังวลอย่างยิ่ง   มีพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างการฟื้นฟูเพียง 5 จังหวัด ได้แก่ ระนอง กระบี่ ตรัง ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ ยังมีพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเหลืออีกถึง 7 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี นราธิวาส ยะลา พัทลุง สงขลา และปัตตานี

+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคการเมืองใหญ่และกลุ่มการเมืองอาจไม่เข้าร่วมกระบวนการปรองดองของรัฐบาลว่า เรื่องนี้ช่วยอะไรไม่ได้ ส่วนข้อเสนอที่ให้นำเอาสูตรการปรองดอง 66/23 ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีมาใช้นั้น เรื่องนี้อยากให้ทุกคนกลับไปทบทวนให้ดี เพราะสูตรดังกล่าวเป็นคนละกรณีกับครั้งนี้เป็นเรื่องการต่อสู้กัน มีทั้งการใช้กำลัง ใช้อาวุธสงคราม แบ่งฝ่ายต่อสู้กันซึ่งเป็นคนละเรื่อง วันนี้เราไม่ได้แบ่งแบบนั้น วันนี้อยู่ที่การจะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้อย่างไร ด้วยกลไกปกติ มันต้องมีวิธีการ

เช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า คำสั่ง 66/23 เป็นเรื่องนานมาแล้ว มันมีเรื่องของผู้ก่อการร้าย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องความปรองดองของคนในชาติ และผมไม่ยึด 66/23 ผมจะทำให้คนมีความเข้าใจร่วมกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติในอนาคต และไม่ได้ไปยกเลิกให้คนทำผิดแล้วไม่ผิด ครั้งนี้ไม่ใช้วิธีการเดียวกับกลุ่มพัฒนาชาติไทย มันคนละแบบกัน”  ปัดกระแสข่าวการทาบทามนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสามัคคี (ป.ย.ป.) ว่าเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการหาบุคลากรเข้ามา

+++ส่วนคืบหน้าในการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ย.ป.นั้น ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย แต่ก็ยังมีเวลาถึงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ในส่วนของสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (พีเอ็มดียู) เป็นคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ตนก็ต้องมีคณะทำงานเพื่อไปขับเคลื่อน โดยได้เชิญนายอำพน กิตติอำพน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการพีเอ็มดียู เจ้าตัวก็รับปากแล้วว่าจะมาช่วยงานดังกล่าว ตนเห็นว่านายอำพนเป็นผู้ที่รู้งานมาโดยตลอด รู้ถึงปัญหา และอยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว จะได้รู้ว่าวันนี้เราจะขับเคลื่อนประเทศกันอย่างไร  +++น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  การส่งออกสินค้าไทยปี 2559 มีมูลค่า 2.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.45% เทียบกับปี 2558 เป็นการกลับมาขยายตัวเป็นบวกในรอบ 4 ปี และสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก อันดับ 4 ของเอเชีย และอันดับ 2 ของอาเซียน โดยดีกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่หดตัวร้อยละ 3.1     ส่วนการนำเข้าทั้งปี 2559 มีมูลค่า 1.95 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.94% ไทยเกินดุลการค้า 2.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วยสะท้อนว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวในทางที่ดี โดยสินค้าสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกไทยขยายตัวดีขึ้น เช่น ทองคำ ยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ และสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น และกำลังซื้อหลายประเทศเริ่มกลับมา”

+++ส่วนกรณีประธานาธิบดีสหรัฐ เซ็นลงนามถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) เชื่อว่าไทยจะเสียเปรียบประเทศอื่นน้อยลง น่าจะเป็นผลดีกับไทย แต่สิ่งที่กังวลคือ การที่สหรัฐค่อนข้างชัดเจนกับนโยบายปกป้องตนเอง จะทำให้เกิดการกีดกันทางการค้ามากขึ้น โดยเฉพาะกับจีนและเม็กซิโก นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  กรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีนโยบายฟื้นเศรษฐกิจด้วยการพึ่งพาการเติบโตจากภายในประเทศเหมือนกับไทย เมื่อเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น ประชาชนในสหรัฐจะมีกำลังซื้อสูงขึ้น ไทยจะสามารถส่งออกสินค้าไปสหรัฐได้ในอนาคต และเมื่อสหรัฐต้องการลดความสัมพันธ์ทางการค้ากับมหาอำนาจ เช่น รัสเซีย จีน จึงเป็นโอกาสของประเทศเล็ก เช่น อาเซียนและไทยจะส่งออกไปสหรัฐ และได้ประโยชน์ในช่วงนี้ส่วนกรณีสหรัฐตัดสินใจถอนตัวออกจาก TPP ยิ่งทำให้ไทยตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มดังกล่าวหรือไม่