ปรับจราจรรัชโยธินดีขึ้นไม่ติดสนิท ประชุมแม่น้ำ 3 สาย/พรรคประชาธิปัตย์ ประชุม แนวทางปรองดองก่อนส่งเรื่องให้สปท./

25 มกราคม 2560, 07:42น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้  07.30 น.



+++วันนี้ ต้องติดตาม การประชุม แม่น้ำสามสาย ตัวแทน สนช. สปท. และรัฐบาล แนวคิดของ คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ เป็นประธาน เชิญเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นแก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างความปรองดองทางการเมือง ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์จะประชุมสมาชิกเพื่อระดมความเห็น ก่อนส่งให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. ในวันที่ 31 ม.ค.  



+++พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าววว่า ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของการเมืองเป็นหลัก เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ตรงประเด็นที่ทำให้การเมืองมาตกลงกันได้ในเงื่อนไขเดียวกันเท่านั้นเอง  ส่วนจะมีโอกาสมากแค่ไหนที่รัฐบาล คสช.จะทำเรื่องปรองดองได้สำเร็จ ไม่ล้มเหลวเหมือนในอดีต พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดจากการเมืองเป็นอุปสรรค แต่คราวนี้การเมืองมันน่าจะนิ่งแล้ว เดินหน้าไปได้ สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายการเมืองยอมรับกระบวนผลจาการดำเนินการสร้างความปรองดองครั้งนี้หรือเปล่า



ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ยืนยันว่าตนและมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ พร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลในการสร้างความปรองดอง เพราะเห็นถึงความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ประเทศเกิดความปรองดองและเดินไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ทั้งนี้ ในกรณีการปรองดองนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  การลงนาม MOU นั้น ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะเชื่อว่าเพียงแค่การลงนาม จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเพื่อความปรองดองได้อย่างแท้จริง ขอให้ความสำคัญเกี่ยวกับสาเหตุและปัจจัยที่ก่อให้เกิดความปรองดองมากกว่า



++++ส่วนนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการฯ กลุ่มนี้จะต้องเปิดกว้างให้หลายฝ่ายที่เป็นกลาง และมีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยทำข้อเสนอ การทำกันเองอย่างนี้ มองว่าทำแล้วไม่มีความคืบหน้ามุ่งหมายของการปรองดอง



 ++++นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการประสานขอข้อมูลจากต่างประเทศ กรณีบริษัทโรลส์รอยซ์ จ่ายสินบนในการซื้อขายเครื่องยนต์อากาศยานและเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในประเทศไทยว่า ทางสถานทูตไทยได้ติดต่อกับสำนักงานปราบปรามการทุจริตของประเทศอังกฤษ (ป.ป.ช.อังกฤษ) แล้ว และได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า ป.ป.ช.อังกฤษพร้อมให้ความร่วมมือกับเรา ขณะเดียวกัน ป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือสตง.ของไทย ก็ได้ติดต่อกับป.ป.ช.อังกฤษเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้อมูลที่ออกมาจากสื่อมีแต่ว่าเกิดขึ้นในช่วงปีนั้นๆ เป็นรัฐบาลไหน แต่ถ้าเขาให้ข้อมูลมา ข้อมูลจะชัดเจนกว่านั้น



+++พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช..กล่าวว่า ล่าสุดกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐได้ส่งอีเมลตอบกลับมาแล้ว เพื่อตอบคำถามเรื่องการให้สินบนในประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศเรื่องการปราบปรามทุจริตแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องรอหลักฐานเพิ่มเติมจากทั้ง การบินไทย และ



ปตท.ก่อน โดยขั้นตอนขณะนี้ที่ป.ป.ช.ดำเนินการคือขั้นการแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งหากหลักฐานชัดเจนจึงจะสามารถพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน อย่างไรก็ตามเราได้เพียงสอบถามความคืบหน้าแต่ไม่เร่งรัดจนเกินไปเพราะเรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก และอาจต้องใช้เวลาซักระยะในการดำเนินการ โดยในสัปดาห์หน้าก็จะหารือกับตัวแทนของกระทรวงการยุติธรรมของสหรัฐเพิ่มเติมด้วย



+++สถาบันอิศรา จัดเสวนา "อย่าให้คนโกงมีที่ยืนในการบินไทย ปตท. และประเทศไทย กรณีสินบน Rolls Royce" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มี บรรยง พงษ์พานิช ประธานกลุ่ม กิจการเงินธนาคารเกียรตินาคิน ร.อ.กนก ทองเผือก รองดีดี การบินไทย ร่วมเสวนา



+++พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงการไว้อาลัยในขณะนี้ว่า เรื่องเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละชนชาติ ไม่มีใครไปจำกัด และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ไม่ได้ห่วงในประเด็นนี้ เพียงแต่ว่าในเมืองไทย คนไทยเชื้อสายจีนเราเชื่อมั่นว่าท่านจะรู้ว่าท่านควรจะทำอย่างไร เช่นบางท่านอาจจะใส่ชุดสีแดงตามประเพณีในช่วงเทศกาล แต่อาจจะติดโบว์ไว้ทุกข์สีดำ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิจารณาเรื่องความเหมาะสม



+++พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจสอบความเรียบร้อยที่วงเวียนแยกรัชโยธิน พร้อมทั้งสอบถามผู้ใช้รถ ผลปรากฏว่ามีประชาชนได้ออกมาระบุว่า วงเวียนมีขนาดใหญ่เกินไป จึงอยากขอให้ปรับขนาดให้ลดลง จากการตรวจสอบพบว่าการจราจรเมื่อช่วงเย็นดีขึ้นมาก และได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการก่อสร้าง ปรับขนาดวงเวียน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกการจราจรอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันฝากขอโทษประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกับการเดินทางในครั้งนี้อีกด้วย อย่างไรก็ดี อยากฝากให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังในการใช้เส้นทางอีกด้วย



+++ก่อนหน้านี้ พลตำรวจเอกเดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า  การบริหารจัดการแยกวงเวียนหลังจากนี้ได้กำหนดเปลี่ยนทิศทางกระแสรถ โดยรถสามารถเลี้ยวซ้ายหรือตรงไปได้เท่านั้น ไม่สามารถเลี้ยวขวาทุกเส้นทางทุกช่วงเวลา คาดว่า วันนี้จะดำเนินการทันที โดยต่อจากนี้จะทำป้ายบอกทาง และประกาศกระจายเสียง เพราะแจ้งให้ประชาชนรับทราบ แนะนำให้เลี่ยงเส้นทาง โดยให้ออกทางหมอชิต หรือสวนรถไฟวิชรเบญจทัศแทน  หากเลี่ยงไม่ได้ควรเผื่อเวลา ในการเดินทาง นายกมล มหาผล ผู้จัดการฝ่ายการจราจรของบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด กล่าวว่าเติมว่า ได้วางแนวทางในการก่อสร้างตอม่อเรียบร้อยแล้ว ย้ำว่าไม่ได้ปิดการจราจรบริเวณ ห้าแยกลาดพร้าว เพียงแต่ลดช่องจราจรเท่านั้น โดยการก่อสร้างจะเริ่มจากห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว มาจนถึง ปากทางเข้าห้าแยกลาดพร้าว เมื่อเสร็จสิ้นบริเวณนี้แล้ว ก็จะมีการก่อสร้างใต้ดอนเมืองโทล์ลเวย์ และขยับไปทางธนาคารทหารไทย จะมีการลดช่องทางจราจร ฝั่งละ 1 ช่องทาง  เนื่องจากตลอดเส้นทางการสร้างตอม่อจะต้องมีความกว้างของเครื่องจักร 10 เมตร



+++ตำรวจยังไล่ล่า หญิงคล้ายคนสติไม่ดีใช้น้ำร้อนเดินสาดใส่ผู้หญิงหลายรายบริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ถนนดินแดง แล้วถามว่า "ร้อนไหม" ก่อนจะเดินหนีไป



+++หลังสรรพสามิตจังหวัดนนทบุรี และตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี จับกุมนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อายุ 28 ปี ที่อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งใน ต.บางกระสอ อ.เมืองฯ จ.นนทบุรี หลังผลิตเบียร์ที่หมักเอง หรือ คราฟต์เบียร์ (Craft Beer) จำหน่ายให้กับกลุ่มเพื่อนเพราะชื่นชอบการดื่มและผลิตเบียร์ ในข้อหามีภาชนะและทำสุราโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพสามิต มีไว้เพื่อขายและครอบครองสุราโดยไม่ได้ติดแสตมป์สุรา เมื่อวันที่ 21 ม.ค.  ล่าสุด ศาลแขวงนนทบุรีมีคำพิพากษาให้ปรับตนเป็นจำนวนเงิน 5,200 บาท ส่วนโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี นายเท่าพิภพ ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียน โดยมีแนวคิดที่จะลงทุนผลิตคราฟต์เบียร์ในต่างประเทศ และนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย เรื่องนี้มีคนให้ความสนใจ จะได้เรียนรู้ว่ายังมีเบียร์ที่มีคุณภาพที่แตกต่าง ถือเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เพราะโดยปกติดื่มได้ แต่ผลิตไม่ได้



 



แฟ้มภาพ

ข่าวทั้งหมด

X