พล.อ.สนธิ ชี้ การเมืองต้นตอความขัดแย้ง/สุเทพพร้อมหนุนรัฐบาลปรองดอง/จาตุรนต์ แนะพูดคุยอย่างเท่าเทียม

24 มกราคม 2560, 14:37น.


แนวคิดของ คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่มี นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ เป็นประธาน เชิญเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นแก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างความปรองดองทางการเมือง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าววว่า ได้รับการประสานมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ดูในรายละเอียดของ สปท.ต้องขอดูรายละเอียดก่อน แต่ทั้งนี้เรื่องของการสร้างความปรองดองเป็นสิ่งจำเป็น ที่สำคัญปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของการเมืองเป็นหลัก เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ตรงประเด็นที่ทำให้การเมืองมาตกลงกันได้ในเงื่อนไขเดียวกันเท่านั้นเอง  ส่วนจะมีโอกาสมากแค่ไหนที่รัฐบาล คสช.จะทำเรื่องปรองดองได้สำเร็จ ไม่ล้มเหลวเหมือนในอดีต พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดจากการเมืองเป็นอุปสรรค แต่คราวนี้การเมืองมันน่าจะนิ่งแล้ว เดินหน้าไปได้ สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายการเมืองยอมรับกระบวนผลจาการดำเนินการสร้างความปรองดองครั้งนี้หรือเปล่า



ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ยืนยันว่าตนและมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ พร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลในการสร้างความปรองดอง เพราะเห็นถึงความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ประเทศเกิดความปรองดองและเดินไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ทั้งนี้ ในกรณีการปรองดองนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  การลงนาม MOU นั้น ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะเชื่อว่าเพียงแค่การลงนาม จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเพื่อความปรองดองได้อย่างแท้จริง ขอให้ความสำคัญเกี่ยวกับสาเหตุและปัจจัยที่ก่อให้เกิดความปรองดองมากกว่า



ส่วนนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้จัดการและลิดรอนสิทธิเสรีภาพผู้ที่มีความเห็นต่างมาตลอด 2 ปีกว่า แล้วจะมาบอกว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งเป็นไปไม่ได้ เพราะการแก้ไขปัญหาคือ คณะกรรมการฯ กลุ่มนี้จะต้องเปิดกว้างให้หลายฝ่ายที่เป็นกลาง และมีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยทำข้อเสนอ การทำกันเองอย่างนี้ ผมมองว่าทำแล้วไม่มีความคืบหน้ามุ่งหมายของการปรองดอง ที่ผ่านมา คสช.และกองทัพ ปิดปากปิดตา ไม่ได้มีความจริงใจ หากตั้งใจจะปรองดองจริงๆ ก็ต้องมีการพูดคุยอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่ว่ามีคนเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง ก็ไปดุหรือขู่เขา ไม่รับฟัง ทั้งหมดต้องอยู่บนหลักการ และความเข้าใจจริงใจที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้ง

ข่าวทั้งหมด

X