นักการทูตหลายประเทศผิดหวังกับคำปราศรัยแรกของผู้นำคนใหม่สหรัฐฯ

การปราศรัยครั้งแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งมีขึ้นในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา นอกจากจะได้รับความสนใจจากชาวอเมริกันทั่วประเทศแล้ว ก็ยังเป็นที่จับตามองของคนทั่วโลกด้วย และคำกล่าวที่ว่าจะดำเนินนโยบายโดยคำนึงถึงสหรัฐอเมริกาเป็นลำดับแรกก็ได้สร้างความผิดหวังให้กับนักการทูตต่างประเทศหลายคน จนนำไปสู่การประชุมฉุกเฉินขึ้นในแคนาดา นักการทูตอาหรับคนหนึ่งกล่าวว่าเป็นคำกล่าวที่หมายถึงการทำลายประเทศอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา และเชื่อว่าไม่เป็นการดีต่อสหรัฐฯ ด้านนักการทูตชาติตะวันตกอีกคนหนึ่งระบุว่า คำปราศรัยของประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้ประชาชนในประเทศของเธอผิดหวัง เพราะรู้สึกว่าสหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือพวกเขา ก็ต่อเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ มีเวลาพอ นักการทูตหลายคนยังแสดงความวิตกต่อบทบาทสหรัฐฯ ในความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความมั่นคงด้วย โดยเฉพาะบทบาทในการเป็นเสาหลักขององค์การนาโต้ อย่างไรก็ตาม หลายประเทศก็ยังแสดงท่าทียินดีต่อการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ รวมทั้งประธานาธิบดีโรเวน ริฟวิน แห่งอิสราเอลที่ส่งหนังสือเชิญประธานาธิบดีทรัมป์ให้เดินทางเยือนอิสราเอลแล้ว เช่นเดียวกับโฆษกรัฐบาลรัสเซียที่เผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียจะโทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีทรัมป์ในเร็ววันนี้ ซึ่งผู้นำทั้งสองจำเป็นต้องหารือกันทางการทูตในหลายประเด็น รวมทั้งการลดอาวุธนิวเคลียร์และสถานการณ์ในซีเรีย ด้านบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ไทมส์ในอังกฤษแสดงความเห็นว่า ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ได้วาดภาพแห่งความโหดร้ายไว้ ขณะที่บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนระบุว่าเป็นเพียงคำโอ้อวดที่เบื่อ และสร้างความรู้สึกไม่ดีให้แก่คนฟัง พร้อมยกคำปราศรัยของอดีตประธานาธิบดีรูสเวลต์เมื่อ พ.ศ. 2476 มาเปรียบเทียบว่า ประธานาธิบดีกล่าวคำพูดที่ท้าทายโลกให้ยุติความหวาดกลัวต่อสหรัฐฯ แต่ในปีนี้ประธานาธิบดีทรัมป์กลับพูดให้ทั่วโลกเกิดความรู้สึกหวาดกลัว

**13.40F174**

CNN