การนัดพิจารณาคดีที่ ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล (หม่อมหลวงเต่านา) และนายทรรศ วันพฤหัส อดีตเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการการศาสนา สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แสดงพฤติกรรมอาฆาตมาดร้ายพนักงานอัยการ ระหว่างการไต่สวนพยานจำเลยในคดีทุจริตจำนำข้าว โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้ ม.ล.มิ่งมงคล และนายทรรศ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตาม มาตรา 18 วรรค 2 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 อนุ 1 และมาตรา 33 สั่งปรับคนละ 500 บาท โดยผู้พิพากษาวินิจฉัยว่า พฤติกรรมการจ้องหน้า และติดตามในระยะประชิด ของ ม.ล.มิ่งมงคล และนายทรรศ มีเจตนารบกวนการทำงานของพนักงาน และเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ พนักงานอัยการได้ขอให้ศาลพิจารณาคดีจำนำข้าวเป็นการลับ เพื่อความปลอดภัยของคณะทำงาน โดยศาลมีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าศาลมีการรักษาความปลอดภัยและตรวจอาวุธอย่างเข้มงวด ประชาชนทั่วไปยังสามารถเข้ารับฟังการพิจารณาคดีจำนำข้าวได้ตามปกติ
หลังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ม.ล.มิ่งมงคล กล่าวสั้นๆ เพียงว่า จะขอชี้แจงเรื่องทั้งหมดผ่าน Facebook ส่วนตัว เนื่องจากเคยให้สัมภาษณ์สื่อไปแล้ว และ ถูกนำไปเขียนบิดเบือน ส่วนคำพิจารณาในวันนี้ขอให้เป็นไปตามคำตัดสินของศาล ส่วนตัวไม่ขอพูดอะไร ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้คงจะไม่ได้เดินทางมาร่วมฟังคำไต่สวนพยานจำเลยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีจำนำข้าว ส่วนในครั้งต่อๆไปจะเดินทางมาร่วมฟังการไต่สวนหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาส
สำหรับการพิจารณาคดีในวันนี้ เกิดขึ้นจากพนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของชายหญิง 2 คน ที่มีลักษณะข่มขู่ ด้วยการจ้องหน้าพนักงานอัยการ ขณะออกจากห้องพิจารณาคดีในโครงการจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค 2559 ทำให้พนักงานอัยการเกิดความหวาดกลัว และกดดันต่อการทำคดี โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2560 ศาลได้นัดไต่สวนเป็นครั้งแรก ซึ่ง ม.ล.มิ่งมงคลและนายทรรศ ได้ให้การรับสารภาพในประเด็นการจ้องหน้าพนักงานอัยการ แต่ให้การปฏิเสธกรณีแอบถ่ายรูป โดยองค์คณะผู้พิพากษา เห็นว่าทั้งคู่รับสารภาพจึงงดการไต่สวน และ นัดฟังคำสั่งคดีในวันนี้
ผู้สื่อข่าว: เกตุกนก ครองคุ้ม