ผลสำรวจร่วมของซีเอ็นเอ็นและสำนักโพลล์โออาร์ซีของสหรัฐฯบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯจะพ้นจากตำแหน่งในวันศุกร์นี้ มีคะแนนนิยมสูงที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 โดยชาวอเมริกันส่วนใหญ่เห็นว่านายโอบามาประสบผลสำเร็จในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะผลงานในสมัยแรกคือความสำเร็จในการบริหารเศรษฐกิจ การต่างประเทศและปัญหาเรื่องชาติพันธ์ของสหรัฐฯ คนส่วนใหญ่บอกว่าพวกเขาคงจะคิดถึงนายโอบามาเมื่อเขาพ้นจากตำแหน่งแล้ว ผลสำรวจนี้นับว่าเป็นคะแนนที่ดีที่สุดสำหรับนายโอบามานับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 ซึ่งเป็นปีแรกที่นายโอบามาเข้ามาบริหารประเทศ เมื่อเทียบกับบรรดาผู้นำสหรัฐฯที่พ้นจากตำแหน่ง นายโอบามาอยู่ในลำดับต้นๆคือ มีคะแนนเป็นรองนายบิล คลินตันซึ่งมีคะแนนนิยมร้อยละ 66 เมื่อเดือนมกราคม 2544และนายโรนัลด์ เรแกน ร้อยละ 64 เมื่อเดือนมกราคม 2532
นอกจากนี้ชาวอเมริกันร้อยละ 65 หรือ 2 ใน 3 มองว่านายโอบามาประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ ในจำนวนนี้ร้อยละ 49 มองว่าความสำเร็จดังกล่าวสืบเนื่องมาจากคุณสมบัติเฉพาะตัวของนายโอบามามากกว่าจะเกิดจากสภาพแวดล้อมต่างๆที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา ผลสำรวจระบุอีกว่า ชาวอเมริกัน 1 ใน 4 คน (ร้อยละ 25) บอกว่านายโอบามาเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มากกว่าสัดส่วนของกลุ่มประชากรตัวอย่างชาวอเมริกันที่แสดงความเห็นเรื่องนี้เกี่ยวกับประธานาธิบดีคนก่อนๆที่บริหารประเทศครบวาระแล้วคือ ร้อยละ 11 เห็นว่านายเรแกนเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ขณะที่นายคลินตันได้ร้อยละ 10
ส่วนนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ได้ร้อยละ 5 ขณะเดียวกันชาวอเมริกันมากถึงร้อยละ 23 มองว่าเป็นประธานาธิบดีที่ทำผลงานได้แย่ โดยเฉพาะนโยบายการควบคุมอาวุธปืน หลังเกิดเหตุสังหารในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนกติกัต มีนักเรียนเสียชีวิต 20 ศพและผู้ใหญ่อีก 6 คน และความล้มเหลวในการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรียและอิรัก นับว่ามากกว่าสัดส่วนชาวอเมริกันที่พูดเช่นนี้สำหรับนายจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ผู้นำคนที่ 41 ของสหรัฐฯ แต่นับว่าต่ำกว่าร้อยละ 46 ซึ่งบอกว่า ผู้นำคนที่ 43 คือนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เป็นประธานาธิบดีที่ทำงานแย่ในปีท้ายๆก่อนพ้นจากตำแหน่ง/20.52 น.