ไนจีเรียโจมตีผิดพลาดทิ้งระเบิดค่ายผู้อพยพ/เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังนายกฯแถลงออกจากอียู/น้ำท่วมหนักทางใต้ของฟิลิปปินส์

18 มกราคม 2560, 05:19น.


+++เจ้าหน้าที่ของรัฐบอร์โนประเทศไนจีเรีย เปิดเผยว่า เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศไนจีเรียในภารกิจโจมตีกลุ่มก่อการร้ายโบโก ฮาราม เกิดโจมตีผิดพลาดโดยทิ้งระเบิดโจมตีค่ายผู้อพยพด้วยความเข้าใจผิดที่เมืองรานน์ รัฐบอร์โนทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนประเทศแคเมอรูน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ศพและบาดเจ็บอีกหลายสิบคน เจ้าหน้าที่ของรัฐบอร์โน กำลังประสานงานเพื่อนำเฮลิคอปเตอร์นำผู้บาดเจ็บออกมาจากพื้นที่เกิดเหตุเพื่อนำส่งโรงพยาบาล



+++พล.ต.ลัคกี้ อิราบอร์ ผู้บัญชาการกองทัพไนจีเรีย แถลงยืนยันเรื่องความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เชื่อว่าน่าจะเป็นครั้งแรกที่กองทัพไนจีเรียออกมายอมรับเรื่องความผิดพลาดในการโจมตีเป้าหมายสำหรับผู้บาดเจ็บมีทั้งทหารและชาวไนจีเรียที่ทำงานให้กับกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนและคณะกรรมการกาชาดสากล ส่วนลูกจ้างของคณะกรรมการกาชาดสากล เปิดเผยด้วยว่า มีอาสาสมัครกาชาดราว 20 คนเสียชีวิตด้วย



+++นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แถลงร่างแผนยุทธศาสตร์ในการนำสหราชอาณาจักร ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ( อียู ) ตามผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2559 นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ให้คำมั่นว่าจะเสนอให้รัฐสภาได้แก่ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของสหราชอาณาจักร ลงมติในขั้นสุดท้าย เพื่อรับรองข้อตกลงขั้นสุดท้ายว่าด้วยการถอนตัวออกจากอียู หรือ เบร็กซิต หรือไม่  สหราชอาณาจักร จะเสนอให้มีการจัดทำข้อตกลงด้านศุลกากรฉบับใหม่ใช้แทนบทเฉพาะกาลในข้อตกลงว่าด้วยสหภาพศุลกากรของกลุ่มอียู ย้ำว่า รัฐบาลต้องการการเป็นหุ้นส่วนใหม่และมีสิทธิเท่าเทียมกัน ระหว่างสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศเอกราช ปกครองตนเองและเป็นศูนย์กลางระดับโลกในด้านต่างๆกับมิตรประเทศและพันธมิตรในกลุ่มอียู  โดยเธอจะขอใช้สิทธิ์เจรจากับกลุ่มอียูภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ ขณะเดียวกันศาลฎีกาของสหราชอาณาจักรจะมีคำตัดสินชี้ขาดในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ในประเด็นว่ารัฐบาลจะต้องขออนุมัติจากรัฐสภาก่อนใช้สิทธิ์เจรจากับกลุ่มอียูหรือไม่



+++เงินปอนด์ซึ่งอ่อนตัวลงต่ำกว่า 1.20 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์เพราะการคาดการณ์เกี่ยวกับการปราศรัยของนายกฯเมย์ ได้แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.5 โดยมีการซื้อขายที่ 1.2109 ดอลลาร์ ขณะที่ นายกฯ อังกฤษ ได้รับแรงกดดันจากพรรคฝ่ายค้านหรือพรรคแรงงาน เรียกร้องให้เปิดเผยรายละเอียดในการออกจากอียู



+++ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสภาเศรษฐกิจโลก เวิลด์ อีคอนอมิก ฟอรั่ม ( ดับเบิลยูอีเอฟ ) ที่เมืองดาวอส ของสวิตเซอร์แลนด์ ว่าระบบเศรษฐกิจในยุคโลกาภิวัฒน์ เป็นการแสวงหากำไรที่มากเกินไป พร้อมทั้งเรียกร้องความร่วมมือจากประชาคมโลกในการแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการกระจายรายได้ พร้อมทั้งกล่าวว่าเศรษฐกิจของจีนจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ท่ามกลางความแปรปรวนของสถานการณ์โลก ก่อนปิดท้ายด้วยการขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันส่งเสริมการค้าและการลงทุนอย่างเสรี เพราะแนวคิดกีดกั้นทางการค้าไม่ต่างอะไรกับ การขังตัวเองอยู่ในห้องมืดโดยไม่สนใจสถานการณ์ภายนอก



+++ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายสี ถือเป็นประธานาธิบดีจีนคนแรกที่เข้าร่วมการประชุมดาวอสด้วยตัวเอง ได้รับการตีความว่าเป็นการตอบโต้ต่อแนวนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มงานในวันที่ 20 ม.ค.นี้ และต้องการใช้มาตรการปกป้องทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน ที่รวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงสุดร้อยละ 45 และการประกาศให้จีนเป็นประเทศที่มีการแทรกแซงค่าเงินหยวนอย่างเปิดเผย เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการค้าจากสหรัฐฯ



+++ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯ ซึ่งจะพ้นจากตำแหน่งในอีกไม่กี่วันนี้ แถลงในโอกาสครบรอบ 1 ปีหลังการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน โดยนายโอบามามุ่งจะเตือนนายทรัมป์ หลังนายทรัมป์ พูดชัดเจนว่าเขาจะยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว สำหรับวันที่ 16 มกราคมปีที่แล้วคือ วันที่ข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับ 5 สมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ บวกด้วยเยอรมนีเริ่มมีผลใช้บังคับ



+++ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน แลกกับการจำกัดขีดความสามารถของอิหร่านในการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ในการแถลงครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐย้ำถึงความสำคัญของข้อตกลงนั้น ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะต้องจดจำว่าข้อตกลงนี้เป็นผลจากการเจรจาต่อเนื่องมาหลายปี เขากล่าวว่าผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯจะต้องไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างรอบคอบ



+++ถึงแม้ว่า ศูนย์ประสานงานร่วม ( เจเอซีซี ) ระหว่างออสเตรเลีย กับมาเลเซียและจีน เพื่อค้นหาเบาะแสของเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ และสูญหายไปอย่างลึกลับพร้อมผู้โดยสาร 227 คน และลูกเรือ 12 คน ระหว่างเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียสู่กรุงปักกิ่งของจีน เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2557 ออกแถลงการณ์ยุติภารกิจค้นหาใต้มหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งทางตะวันตกของออสเตรเลีย โดยระบุว่า ทั้งสามประเทศพยายามร่วมกันอย่างสุดความสามารถตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการจัดสรรทรัพยากรบุคคล และอุปกรณ์ค้นหาทันสมัยที่สุด เพื่อค้นหาเบาะแสของเครื่องบินที่หายไป ผลการค้นหาที่ยาวนานไม่สามารถนำไปสู่การระบุจุดตกของเครื่องบินได้ ทุกฝ่ายจึงเห็นพ้องให้ยุติปฏิบัติการดังกล่าว ที่ใช้งบประมาณมากถึง 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5,600 ล้านบาท ) และครอบคลุมพื้นที่ 1 แสน 20,000 ตารางกิโลเมตร ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอาจมีเบาะแสหรือวิธีการอื่นที่จะนำไปสู่การพบจุดตกของเครื่องบินลำนี้ได้



+++ขณะที่สมาชิกในครอบครัวและญาติพี่น้องของผู้โดยสารและลูกเรือรวมทั้ง 239 คน ได้รับแจ้งทางอีเมลจากรัฐบาลออสเตรเลีย ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว เกี่ยวกับการยกเลิกภารกิจ ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจและการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าค้นหาต่อไป เนื่องจากมีการพบชิ้นส่วนของเครื่องบินแล้วราว 20 ชิ้น นอกชายฝั่งของมอริเชียส และหมู่เกาะเรอูนียง ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ตลอดจนโมซัมบิก และแอฟริกาใต้ แต่มีชิ้นส่วนยังไม่ถึง 10 ชิ้นที่ได้รับการยืนยันว่ามาจากเที่ยวบินเอ็มเอช 370 จริง และทีมค้นหายังไม่สามารถขยายผลการตรวจสอบได้มากกว่านั้น



+++นายกเทศมนตรีเมืองคากายันเดโอโร ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน หลังฝนตกหนักตั้งแต่วันจันทร์ จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก นายกเทศมนตรีเมืองคากายันเดโอโร ในจังหวัดมิซามิส โอเรียลทอล ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ต้องประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน หลังฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ใจกลางเมืองอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านอย่างน้อย 1,000 ครัวเรือน ต้องอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ขณะที่โรงเรียนและสถานที่ราชการต้องปิดทำการ ด้านอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ แจ้งเตือนว่า อิทธิพลของความกดอากาศต่ำ จะทำให้เกิดฝนตกหนักไปจนถึงวันนี้



+++ทางการตุรกี สามารถรวบตัวมือปืนที่กราดยิงสังหารโหด ผู้คนถึง 39 ศพ ในไนต์คลับนครอิสตันบูล คืนวันขึ้นปีใหม่ได้แล้ว หลังล่าตัวอยู่นานหลายสัปดาห์ โดยเขาไม่ได้หลบหนีออกนอกเมือง และถูกจับได้ในนครอิสตันบูล ผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจตุรกีรวบตัวได้ คือนายอับดุล คาดีร์ มาชา ริพอพ เป็นชาวอุซเบค ตำรวจพบมือปืนรายนี้ที่บ้านหลังหนึ่งในนครอิสตันบูล พร้อมกับลูกชายวัย 4 ขวบ  ส่วนเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นชาวคีร์กิซ ถูกตำรวจรวบตัวเช่นกัน พร้อมกับผู้หญิงอีก 3 คน ตำรวจเตรียมนำตัวมือปืนไปตรวจร่างกายก่อนสอบปากคำต่อไป



+++มือปืนรายนี้ พาครอบครัวอพยพเข้ามาอยู่ในตุรกี ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว โดยมีชื่อปลอมด้วย ทางการตุรกีเชื่อว่าเขาเป็นสมาชิกไอเอสเต็มตัว ทีแรกเข้ามาเช่าแฟลตอาศัยอยู่ในเมืองคอนยาพร้อมภรรยาและลูกอีก 2 คน เขาเข้าไปในนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม และลงมือก่อเหตุกราดยิงอย่างสยองขวัญในคืนวันขึ้นปีใหม่



CR:CNN



 

ข่าวทั้งหมด

X