หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกอรปศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังมีมติเห็นชอบในการจัดทำ งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2560 ในวงเงิน 190,000 ล้านบาท ประกอบด้วย แผนบูรณาการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้เศรษฐกิจในประเทศวงเงิน 115,000 ล้านบาท กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สำหรับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายวงเงิน 10,000 ล้านบาท กองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติ วงเงิน 15,000 ล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 27,078.3 ล้านบาท และ งบกลางรายจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน 22,921.7 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณนี้ มีงบประมาณสูงเป็นพิเศษเนื่องจาก เน้น ดำเนินการโครงการพัฒนากลุ่มจังหวัด ทั้งการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรม เพิ่มศักยภาพภาคการเกษตร พัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว พัฒนาสังคม รวมทั้งพัฒนาพิเศษขนาดใหญ่เพื่อยกระดับในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
นอกจากนั้น ยังเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสหกรณ์ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้เสนอ เพื่อปรับปรุงร่าง พรบ.ให้เกิดความทันสมัยและสอดรับกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ประกอบด้วย ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการสหกรณ์แห่งชาติ ทั้ง 5 คน ที่ต้องมาจากด้านต่างๆ เช่น การเงิน การตลาด การเกษตร เพื่อให้มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ให้อำนาจแก่นายทะเบียนในการออกเกณฑ์การกำกับมากขึ้น หากเกณฑ์นั้นเป็นประโยชน์ต่อสหกรณ์ นายทะเบียนสหกรณ์สามารถดำเนินการฟ้องร้องบุคคลภายนอกได้ กรณีที่สหกรณ์ไม่ร้องทุกข์ นายทะเบียนสามารถทำหน้าที่เป็นเจ้าทุกข์เองฟ้องร้องได้ รวมทั้งให้อำนาจแก่นายทะเบียนในการดำเนินงานหลากหลายด้านมากขึ้น เช่น กรณีที่เกิดปัญหากรรมการและผู้จัดการสหกรณ์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อสหกรณ์เกิดความเสียหาย จัดตั้งผู้ตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์ขึ้นมา ซึ่งหากพบการฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1ปี หรือปรับ 10,000 -100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังรวบรวมสหกรณ์ขนาดเล็กเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้มีขนาดที่เหมาะสม พร้อมทั้งมีการตั้งจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพของระบบสหกรณ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่สหกรณ์ที่ขาดสภาพคล่อง รวมทั้งขยายวาระการดำรงตำแหน่งคณะกรรมการจากเดิม 2 ปี