โพลระบุชาวอเมริกันมองรัสเซียเป็นภัยคุกคามมากขึ้น หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

สำนักข่าวรอยเตอร์สร่วมกับสถาบันสำรวจความคิดเห็น “อิพสอส” พบว่า ชาวอเมริกันแสดงความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากรัสเซียเพิ่มสูงขึ้น มากกว่าในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือน พ.ย. โดยผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกัน 1,169 คน ใน 50 รัฐ ระหว่างวันที่ 9-12 ม.ค. ระบุว่า ชาวอเมริกันทั้งที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันถึงร้อยละ 82 เห็นว่า รัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 76 เมื่อเดือนมีนาคม 2558 มากยิ่งกว่าอิหร่าน ซีเรีย จีน ซาอุดีอาระเบีย คิวบา หรือเยเมน แต่รัสเซียยังคงเป็นภัยคุกคามน้อยกว่าเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ เนื่องจากประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯ รายงานยืนยันว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการเจาะระบบข้อมูลการเลือกตั้งทางคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังสร้างข้อกังขาในสายสัมพันธ์ทางการเงินกับรัสเซีย ทั้งยังชื่นชมประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย อย่างออกนอกหน้า กับส่งสัญญาณว่า จะดำเนินนโยบายที่ผ่อนปรนกับรัสเซีย ยิ่งกว่านั้น ในครั้งแรกนายทรัมป์ยังไม่เชื่อในข้อกล่าวหาว่ารัสเซียเจาะระบบคอมพิวเตอร์สหรัฐฯ ในการเลือกตั้งด้วย โดยกล่าวหาว่าน่าจะเป็นฝีมือจีน

อย่างไรก็ดี หนึ่งในชาวอเมริกันที่ตอบแบบสำรวจความคิดเห็น ยอมรับว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา เลือกที่จะไม่เดินทางไปใช้สิทธิออกเสียงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี เนื่องจากไม่ไว้วางใจทั้งนายทรัมป์ และนางฮิลลารี คลินตัน ทั้งยังเห็นว่า นายทรัมป์ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องต่างประเทศและเห็นว่า นายทรัมป์น่าจะได้รับอิทธิพลครอบงำจากรัสเซียได้ง่าย

ทีมต่างประเทศ