*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา08.30น.*

+++การประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือซูเปอร์บอร์ดนัดแรกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผบ.ทบ. และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า  จะต้องร่วมกันแก้ปัญหาที่เป็นข้อบกพร่องของรัฐวิสาหกิจ(รสก.) และอาจต้องแทรกงานด้านความมั่นคงเข้าไปในหน่วยงานต่างๆของรัฐวิสาหกิจ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)  นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุมซูเปอร์บอร์ดนัดแรก ว่า ที่ประชุมมีมติให้ตั้งอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหาของ รสก.อนุกรรมการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ รสก.ของประเทศ และอนุกรรมการกำกับและพัฒนาระบบรสก. อนุกรรมการมีหน้าที่ช่วยซูเปอร์บอร์ดทำงานที่กำหนดไว้คาดว่าจะมีการประชุมซูเปอร์บอร์ดอีกครั้งในช่วงเดือนนี้ สำหรับโครงการลงทุน 100 ล้านบาท ยังไม่ได้นำเข้าหารือในที่ประชุมครั้งนี้ รวมทั้งเรื่องผลตอบแทนของกรรมการ รวมถึงผลประโยชน์โบนัสพนักงาน รสก. จะนำมาหารือในการประชุมครั้งต่อไปด้วย

 +++นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงกรณีทีมทนายความโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้ ป.ป.ช.สอบปากคำพยาน 8 ปาก คดีรับจำนำข้าว หลังจากที่ ป.ป.ช.เคยมีมติไม่อนุญาตมาหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อมีการยื่นมาอีก ป.ป.ช.ก็จะนำคำร้องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.สัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตให้สอบปากคำพยานทั้ง 8 ปากดังกล่าวหรือไม่ ยังไม่ได้ตัดโอกาสผู้ถูกกล่าวหา

+++ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวร่วมกับ คสช. ในฐานะผู้สังเกตการณ์ หรือหากมีการร้องเรียนเรื่องการตรวจสอบสต๊อกข้าวมาที่ ป.ป.ช.โดยตรง ป.ป.ช.ก็พร้อมจะลงไปตรวจสอบเช่นกัน  ป.ป.ช.จะเสนอแก้ไขเรื่องอายุความคดีทุจริตที่ปัจจุบันมีอายุความ 15-20 ปี เห็นว่ายังไม่เพียงพอ ผู้กระทำผิดสามารถใช้ช่องว่างกฎหมายหลุดพ้นคดีไปได้ อาจจะต้องยืดอายุความออกไปเป็น 30 ปี คงจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง นอกจากนี้ ป.ป.ช.จะเสนอต่อคสช.ให้ปฏิรูปกฎหมายอีกหลายเรื่อง อาทิ การปฏิรูปกฎหมายต่างๆ ให้เป็นไปตามสนธิสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ตามที่ ป.ป.ช.ร่วมเป็นภาคีสมาชิก ตลอดจนการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการติดตามทรัพย์สินคืนเป็นของแผ่นดิน ซึ่งจะเสนอให้มีการแก้ไขในชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

 +++หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดให้เร่งจัดระเบียบผู้ค้าบนทางเท้าและบนพื้นผิวจราจรในกรุงเทพฯ 8 จุด วันนี้พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. และคณะจะประชุมร่วมกับพ่อค้าแม่ค้าย่านถนนราชดำเนินทั้งสาย ที่เขตพระนคร เพื่อแก้ปัญหาการรุกล้ำพื้นผิวจราจร เนื่องจากกทม.จะไม่ให้มีการตั้งแผงค้าขายโดยเด็ดขาด ตั้งแต่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา จนถึงสนามหลวง รวมทั้งแผงค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย โดยพื้นที่ขายสลากกินแบ่งตอนนี้ อยู่ที่สนามบินน้ำ จ.นนทบุรีหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งใหม่ อย่างไรก็ตาม กทม.จะแนะนำจุดขายให้พ่อค้าแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล 2จุด คือบริเวณหน้าตลาดบองมาเช่ และหน้าเขตราษฎร์บูรณะ  กทม.จะมีมาตรการดำเนินการเด็ดขาดทางกฎหมายกับมาเฟียอย่างไร พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า เรากำลังดำเนินการตรวจสอบ และสืบสวนทางลับ และจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

+++ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงเรื่อง ขอคืนพื้นที่ย่านประตูน้ำ เชิญชาวบ้านเข้าร่วมด้วย ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด

 +++นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ตรวจความเรียบร้อยของหาบเร่แผงลอยบนทางเท้าบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่วางขายบนทางเท้าในช่วงเวลากลางวัน  พบคืออาคารที่อยู่ริมทางเท้าตั้งแต่ซอยรามคำแหง 17-53/1 ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ต่อเติมออกมาล้ำบริเวณทางเท้ากว้างถึง 3 เมตร ทำให้เหลือทางเท้าให้ประชาชนเดินเพียง 3 เมตรเท่านั้น มอบหมายให้ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตบางกะปิไปสำรวจว่าอาคารพาณิชย์ที่มีปัญหาว่ามีจำนวน เท่าใด

หลังจากนั้นจะได้เรียกประชุมผู้ค้าเพื่อทำความเข้าใจในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะทำหนังสือส่งถึงเจ้าของอาคารพาณิชย์ให้รับทราบและเร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ล้ำทางเท้าโดยจะให้เวลาเจ้าของอาคารและผู้ค้าเร่งแก้ไขภายใน 30 วัน หากยังไม่ทำ กทม. มีสิทธิที่จะรื้อได้ตามกฎหมาย และได้รับการร้องเรียนคือ การตั้งแผงค้าช่วงกลางคืนที่แทบจะไม่มีทางเดิน สั่งการให้เลื่อนเวลาเริ่มตั้งแผงเป็นเวลา 19.00 น. สำหรับปัญหาผู้ค้านอกจุดและผู้ค้าที่ไม่ได้ลงทะเบียนถูกต้องนั้นจะแก้ไขในขั้นตอนต่อไป

+++การผลักดันให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ขยายตัวในระดับที่น่าพอใจ พล.อ.ประยุทธ์ อยากเห็นจีดีพีในปีนี้โตร้อยละ 2.5 ขณะที่หน่วยงานรัฐและหลายสำนักวิจัยประเมินก่อนหน้านั้นว่า จะขยายตัวต่ำไม่ถึง ร้อยละ 2  นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หากจะให้จีดีพีโตได้ร้อยละ 2.5 ควรเน้นเรื่องการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะตรงกับความต้องการของประเทศ ซึ่งเวลานี้ประเทศไทย กำลังต้องการการลงทุนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือการลงทุนทางกายภาพ ทั้งเรื่อง คน แรงงาน หรือด้าน ความรู้ เป็นต้น

+++ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม นายประสาร ยอมรับว่า ในขณะนี้คงมีเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าระยะหลังจะเริ่มเห็นการชะลอของหนี้ครัวเรือนลงบ้างแล้ว แต่ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ อำนาจซื้อของภาคครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ หากครัวเรือนกลุ่มนี้ยังมีระดับหนี้ที่สูง ก็ถือ เป็นประเด็นที่ยังต้องติดตาม เพราะอาจทำให้การฟื้นตัวของภาคการบริโภคเป็นไปอย่างล่าช้า   นอกจากนี้ยังต้องติดตามดูทิศทางของเศรษฐกิจประเทศหลักทั้งสหรัฐและจีน โดยในส่วนของสหรัฐ และ อังกฤษ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจถือว่าค่อนข้างดี ขณะที่ยุโรปกับญี่ปุ่นยังค่อนข้างช้า จึงต้องดูด้วยว่าประเทศเหล่านี้จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลนัก เพราะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีภูมิคุ้มกันที่ดี

+++ผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชน ในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาปีนี้ ว่า คาดจะมีมูลค่าการใช้จ่าย 5,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ5.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวในทุกภูมิภาคทั้งการทำบุญ การซื้อสินค้า และการท่องเที่ยว ภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ ร้อยละ4 แบ่งเป็นในไตรมาส 3 ขยายตัว ร้อยละ3-4 จากการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่ค้างอยู่เข้ามาสู่ระบบประมาณ 1แสนล้านบาท และไตรมาส 4 ขยายตัว ร้อยละ5-6 จากการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบฯ 2558 อีก 1แสนล้านบาท

 +++นางชีพ บัวทอง อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 1 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จว.สตูล เจ้าของร้านป้าชีพขายอาหารป่า ซึ่งชุดตรวจสืบสวนร่วม ตำรวจ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สต.1 (ทุ่งนุ้ย) เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองปลักพระยาและเขาพระยามังสา จับกุมภายในร้านพร้อมของกลางพบซากสัตว์ป่าหวงห้ามที่ใช้ในการผลิตหรือปรุงเป็นอาหารป่าจำนวน 2 รายการ คือ ซากตะกวด (แกง) น้ำหนักประมาณ 220 กรัม 1 ถุง ซากกระรอก (แกง) น้ำหนักประมาณ 240 กรัม 1 ถุง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมและถูกควบคุมตัวพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ควนกาหลงดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2535 ได้รับการประกันตัวแล้วด้วยวงเงิน 100,000 บาท นางชีพ กล่าวว่า จะไม่กลับมาขายอาหารป่าอีกแล้ว