สนช.ผ่านร่างแก้ไขรธน.ฉบับชั่วคราว 3 วาระรวด

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. วันนี้มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบสามวาระรวด ในพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 ซึ่งคณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้เสนอ ตามมาตรา 46 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 ในมาตรา 2 และ ยกเลิกข้อความในมาตรา 39/1 ด้วยคะแนนเสียง 228 ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 3 โดยการพิจารณาทางคณะรัฐมนตรีและคสช. ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจงหลักการและเหตุผล

นายวิษณุ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า นายกรัฐมนตรีได้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติขึ้นทูลเกล้าถวาย เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2559 ซึ่งเมื่อรัฐบาลทูลเกล้าถวายแล้วก็ถือว่าอยู่ในพระราชอำนาจที่จะทรงพิจารณา แต่ต่อมาก่อนครบระยะเวลา 90 วัน สํานักราชเลขาธิการได้แจ้งว่า มีข้อสังเกตพระราชทาน 3-4 ประการที่ควรพิจารณาแก้ไขในร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง ครม. และ คสช. ได้ประชุมร่วมกันแล้วเห็นว่า เห็นควรเร่งแก้ไขตามข้อสังเกต เพื่อบรรจุภายในร่างรัฐธรรมนูญก่อนที่จะมีการประกาศใช้ เนื่องจากหากรัฐธรรมนูญประกาศใช้จะต้องนำไปทำการออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นภาระผูกพัน ซึ่งการแก้ไขในครั้งนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะในส่วนของที่หนังสือจากสำนักราชเลขาธิการแจ้งมาเท่านั้น ด้านสนช.ได้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนมาตรา 3 ที่คสช. และครม. เสนอให้เพิ่มข้อความ ว่า ในเมื่อพระมหากษัตริย์ไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือจะทรงบริหารราชภาระไม่ได้ด้วยประการใดก็ตาม จะทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือไม่ก็ได้ และให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้สนองพระราชโองการแต่งตั้ง และเมื่อกรณีเป็นไปตามมาตรานี้แล้วมิให้นำความในมาตรา 18/19 และ 20 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550

และยกเลิกความวรรค11 ของ มาตรา39/1 และให้เพิ่มข้อความ ที่ระบุว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นเกล้าทูลกระหม่อมถวาย หากกรณีที่พระมหากษัตริย์พระราชข้อสังเกตว่าสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อความภายใน 90 วัน ให้นายกรัฐมนตรีขอพระราชทานคืนมาเพื่อดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะประเด็นตามข้อสังเกต และประเด็นที่เกี่ยวเนื่อง และแก้ไขเพิ่มเติมคำปรารภให้สอดคล้องกัน และให้นายกรับมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมภายใน 30 วันตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชทานคืนตามที่ขอ และเมื่อนายกรัฐมนตรีนำร่างรับธรรมนูญที่มีการแก้ไขขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมและทรงลงพระปรมาภิไธยให้ประกาศใช้ในการราชกิจจานุเบกษาและบังคับใช้ได้ โดยให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือร่างที่ส่งแก้ไขเพิ่มเติมและพระราชทานคืนมา หรือพ้น 90 วันที่นายกรัฐมนตรีนำร่างขึ้นทูลเกล้าแล้วมิได้พระราชทานคืนให้ร่างรัฐธรรมนูญหรือร่างแก้ไขเพิ่มเติมเป็นอันตกไป หลังจากผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสนช.แล้ว นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย จากนั้นรอประกาศจากราชกิจจานุเบกษา เพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป