+++นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตรวจเยี่ยมการฟื้นฟูโรงพยาบาลสะพาน หลังประสบปัญหาน้ำท่วมสูง และเช้าวันนี้สามารถเปิดบริการอาคารผู้ป่วยนอกได้แล้ว โดยมีประชาชนจำนวนมากมารับบริการรักษาโรคทั่วไปและป่วยฉุกเฉิน นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า กล่าวว่า จากการตรวจสอบส่วนต่าง ๆ ของโรงพยาบาลพบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยสามารถให้บริการประชาชนได้ในส่วนของอาคารผู้ป่วยนอก แต่อาคารผู้ป่วยในต้องรอการฟื้นฟูอีกระยะ รวมถึงห้องผ่าตัดและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งประเมินเพื่อจัดสรรงบประมาณปรับปรุงซ่อมแซม พร้อมกันนี้ได้ส่งทีมสุขภาพจิตออกตรวจสอบเยียวยาสภาพจิตใจประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ
+++นายแพทย์ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ทีมวิศวกรได้ประเมินความเสียหายของอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้รับผลกระทบ 12 รายการ เช่น เครื่องเอ็กซเรย์ ระบบควบคุมปริมาณรังสีเอ็กซ์ ระบบก๊าซทางการแพทย์ มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เบื้องต้นได้เร่งแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วนด้วยการระดมทีมวิศวกรระดับเชี่ยวชาญจำนวน 5 ทีม รวมกว่า 20 คนเข้าดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขเพื่อให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย
+++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้กรมชลประทาน เร่งรัดการระบายน้ำออกทะเลโดยเร็วเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและผลกระทบต่อเกษตรกร และเป็นการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้ารับฝนรอบใหม่ ช่วงกลางเดือนม.ค.นี้ ซึ่งทุกหน่วยงานได้ลงไปช่วยเหลือเฉพาะหน้า สนธิกำลังกับหน่วยงานอื่น และ การฟื้นฟูพื้นที่เกษตรโดยเร็ว ทั้งนี้กรมชลประทาน เร่งระบายน้ำ จ.นครศรีธรรมราช จ.ตรัง และ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเพิ่มเครื่องสูบน้ำ ขนาด 3 ลบ.ม.ต่อนาที ซึ่งใช้ไฟ 3 เฟส เครื่องผลักดันน้ำ ซึ่งกองทัพเรือ นำมาเพิ่มเติมในพื้นที่ 3 จังหวัด อีก 36 เครื่อง ขณะนี้ มวลน้ำใน จ.นครศรีธรรมราช เหลืออีก 600 ล้าน ลบ.ม. ส่วน จ.สุราษฎร์ธานี ระดับน้ำใน อ.เมือง ต่ำกว่าตลิ่งแล้ว อำเภออื่นน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง จะเข้าสภาวะปกติใน 3 - 4 วัน ส่วน จ.ตรัง ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง จะเข้าสภาวะปกติใน 1 - 2 วัน
+++สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ประชุมพิจารณาวาระด่วนแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เวลา 10.00 น. วันนี้ โดยจะพิจารณา 3 วาระรวด ซึ่งการแก้ไขครั้งนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะประเด็นตามที่สำนักราชเลขาธิการแจ้งมา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในเวลาที่กำหนด
+++ความคืบหน้าเกี่ยวกับข้าราชการครูตกเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตาย คือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี ข้าราชการครูชาว จ.สกลนคร เหตุเกิดตั้งแต่ตั้งแต่ปี 48 ในท้องที่ของ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม จนกระทั่งมีการพิจารณาตัดสินของศาลฎีกาให้จำเลยติดคุก เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2556 เป็นเวลา 3 ปี 2 เดือน ซึ่งศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน และมีการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ถึง 3 ศาล โดยศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง และศาลฎีกา มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2559 ให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม ดำเนินการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ เนื่องจากจำเลยมีการร้องทุกข์ผ่านกระทรวงยุติธรรม ว่า เป็นผู้เสียหายในคดีแพะ แต่ถูกดำเนินคดี และได้รับการอภัยโทษออกมา เมื่อปี 58 รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยในส่วนของตำรวจภูธรนครพนม จะต้องรอคำสั่งของศาลชั้นต้น ในการพิจารณารื้อคดีใหม่ตามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากเป็นคดีที่ขึ้นสู่ศาลและสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรมแล้ว ตำรวจ ต้องรอคำสั่งศาลในการสอบสวนดำเนินคดีใหม่ แต่ได้มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน รวมถึงสำนวนการสอบสวน พบว่า มีการสอบสวนพยาน ตรวจสอบเอกสารหลักฐานตามขั้นตอนถูกต้อง แต่ส่วนของความผิดพลาด หรือเป็นเหตุให้จำเลยติดคุก ถือว่าเป็นกระบวนการต่อสู้ทางกฎหมายที่จะต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง ในส่วนของเรื่องระเบียบหรือความผิดของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี หากมีความผิดพลาด จะต้องรอการตรวจสอบตามขั้นตอนอีกครั้ง แต่จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ถือว่าตำรวจทำตามหน้าที่ และกระบวนการของการสอบสวนทุกขั้นตอน นอกจากนี้ในส่วนของการดำเนินคดีต่อเนื่องกับผู้ที่กระทำความผิดจริง ยังไม่สามารถไปดำเนินคดีได้ จะต้องรอกระบวนการของศาลชั้นต้น เพื่อจะได้สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
+++องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) เปิดเผยรายงานประจำปีคาดการณ์การจ้างงานทั่วโลก (World Employment Social Outlook) ระบุว่า อัตราการว่างงานทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงการขาดการลงทุน นอกจากนี้ยังรวมถึงความไม่แน่นอนในส่วนของโลกาภิวัฒน์และการค้าเสรี อันเป็นผลมาจากแนวนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป อัตราการว่างงานในปี 2560 คาดว่า จะเพิ่มขึ้นอีกราว 3.4 ล้านคน รวมเป็นราว 201 ล้านคนทั่วโลก โดยกลุ่มที่มีการเพิ่มขึ้นมาที่สุดคือกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หลักๆ อย่างรัสเซีย แอฟริกาใต้ และบราซิล ขณะที่การว่างงานระยะยาวยังคงอยู่ในระดับสูงในยุโรป แคนาดา และสหรัฐ ขณะที่ภูมิภาคละตินอเมริกาและกลุ่มประเทศแถบแคริบเบียน ยังคงได้รับผลกระทบจากการถดถอยทางเศรษฐกิจรอบล่าสุด โดยในกลุ่มประเทศละตินอเมริกาคาดว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.3 เป็นร้อยละ 8.4 ในปี 2560 เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของบราซิลซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของภูมิภาค