+++การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) 10.00 น.ในวันนี้เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.กล่าวว่า รัฐบาลมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมประชุม เพราะการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว มีเงื่อนไขว่าหากสนช. จะขอแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำหรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการพิจารณา ที่ประชุมจะตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา พิจารณา 3 วาระ การลงมติวาระแรกและวาระ 3 จะต้องใช้วิธีการลงคะแนนโดยการขานชื่อ ซึ่งจะต้องใช้เวลา แต่คาดว่าการพิจารณาจะเสร็จภายในวันเดียว แต่หากมีประเด็นที่ต้องพิจารณา หรือมีความเห็นต่าง ก็สามารถพิจารณาต่อในสัปดาห์หน้าได้ เพราะยังอยู่ในกรอบ 15 วัน
+++สำหรับการติดตามการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ นายพรเพชร กล่าวว่าได้ประสานกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ส่งร่างกฎหมายลูกในเบื้องต้นมาให้ สนช.ศึกษา เพื่อความรวดเร็วในชั้นการพิจารณา ซึ่งกรธ.ไม่ขัดข้อง
+++เรื่องการปฎิรูป นายกฯ ประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ระบุว่า เป็นการประชุมครั้งแรกในการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อเป็นการทำโครงสร้างและมอบหมายความรับผิดชอบให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี รวมถึงในส่วนของการขับเคลื่อนทั้งหมด โดยมีเอกชนร่วมด้วย จึงต้องปฏิรูปในหลายเรื่องด้วยกัน จึงมีการตั้งคณะกรรมการ 4 ชุด ประกอบด้วยคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง และคณะกรรมการบริหารราชการเชิงยุทธศาสตร์
+++การจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2561 ในวงเงิน 2.9 ล้านล้านบาท นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล 4.5 แสนล้านบาท โดยประมาณการเก็บรายได้อยู่ 2.45 ล้านล้านบาท โดยกำหนดให้เพิ่มงบลงทุนให้มากขึ้นเป็นร้อยละ 23 ของงบประมาณรายจ่ายสูงกว่าปี 2560 ที่อยู่ในระดับร้อยละ 22 ทั้งนี้ การทำกรอบงบประมาณประจำปี 2561 4 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2561 จะขยายตัวร้อยละ 3.8
+++นายสมคิด กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยง แม้ว่าเศรษฐกิจภายในฟื้นตัวมากขึ้น การทำงบประมาณขาดดุลยังมีความจำเป็นเพื่อลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และในปี 2561 จะจัดสรรงบลงทุนระดับ15 กลุ่มจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2560 และการทำงบขาดดุลเพิ่มมากขึ้นก็ยังทำสัดส่วนหนี้สาธารณะปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 45 ของจีดีพี อยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 60 ของจีดีพี
+++นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1-10 มกราคม ใน 12 จังหวัด เบื้องต้นสร้างความเสียหาย 22,365 ล้านบาท แยกเป็น 2 ส่วน คือ ความเสียหายที่ไม่กระทบตัวเลขจีดีพี ที่เป็นความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน บ้าน ถนน รวม 3,405 ล้านบาท และเป็นความเสียหายที่กระทบจีดีพี ของภาคธุรกิจ การเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว รวม 18,960 ล้านบาท ซึ่งจะทำจีดีพีภาคใต้ปีนี้ลดลงเหลือร้อยละ 2 คาดการณ์จีดีพีปี2560ขยายตัวร้อยละ 3.6
+++เรื่องรถเมล์เอ็นจีวี นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยความคืบหน้าในการรับมอบรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน จากบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ว่า ขสมก.ได้รับรถเมล์ 292 คัน ที่ได้ดำเนินการจ่ายภาษีให้กับกรมศุลกากรและนำออกมาจากท่าเรือแหลมฉบังมาส่งมอบให้ ขสมก.ขั้นตอนหลังรับมอบรถเมล์แล้ว ขสมก.จะนำไปติดตั้งระบบติดตามผ่านดาวเทียม (จีพีเอส) และนำไปจดทะเบียนกับการขนส่งทางบก (ขบ.) คาดว่า จะใช้เวลาในการติดตั้งประมาณ 12-13 วันจะแล้วเสร็จทั้งหมด จากนั้นคณะกรรมการตรวจรับ จะเข้ามาตรวจสอบความถูกต้องเพื่อรับมอบรถอย่างเป็นทางการตามสัญญา คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะตรวจรับได้หมด และนำรถที่รับมอบล็อตแรกนี้ออกวิ่งให้บริการได้ในเดือนกุมภาพันธ์
+++กรณีการคิดค่าปรับที่บริษัทไม่สามารถส่งมอบรถได้ทันตามสัญญา คือ วันที่ 29 ธันวาคม 2559 ในส่วนของ 292 คันที่บริษัทได้ส่งมอบให้ ขสมก. จะไม่คิดค่าปรับเพิ่มเติมอีก จะคิดจากวันที่ทำผิดสัญญาจนถึงวันพุธที่ 11 มกราคม เพราะถึงแม้ว่ากรรมการตรวจรับจะยังไม่ได้ตรวจรับตามระเบียบอย่างเป็นทางการ แต่ถือว่ารถมาถึงมือ ขสมก.แล้ว โดยหากพิจารณาค่าปรับจนถึงวันที่ 11 มกราคม จากจำนวนรถทั้งหมด 489 คัน วันละ 17,000 บาทต่อคัน รวม 13 วัน คิดเป็นวงเงินประมาณ 108 ล้านบาท โดย ขสมก.จะหักจากเงินค้ำประกันที่บริษัทวางไว้จำนวน 330 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจะเหลือเงินค้ำประกันอยู่ที่ประมาณ 221 ล้านบาท
+++การตรวจสอบทุจริตสอบนายสิบตำรวจ วันนี้มีการประชุมสรุปติดตามความคืบหน้าของพยานหลักฐานก่อนที่จะส่งมอบผลการสอบให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในวันจันทร์สัปดาห์หน้า หลังจากที่เมื่อวานนี้ ศาลอนุมัติหมายจับ 51 นักศึกษา ร่วมขบวนการโกงสอบนายสิบตำรวจ โทษหนักติดคุก 7 ปี รวมทั้งนายจิระพจน์ พลายด้วง เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตปทุมวัน
+++คดีฆ่าชิงทรัพย์ ที่นายกิตติกร วิกาหะ และนายสุพัฒชัย จันทร์ศรี 2 ผู้ต้องหาชิงโทรศัพท์ไอโฟน ของนายวศิน เหลืองแจ่ม บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ที่บริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 เขตลาดพร้าว พ.ต.อ.ศราวุธ จินดาคำ รอง ผบก.น.2 รรท.ผกก.สน.โคกคราม นำสำนวนคดีนี้มาส่งให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เพื่อพิจารณาสั่งฟ้อง นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เปิดเผยว่า โทษในคดีนี้คือการประหารชีวิต ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ หากถึงชั้นศาลจะทำให้มีการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตหรือไม่อาจเป็นไปได้ เพราะการรับสารภาพเป็นเหตุให้ลดโทษได้ ยกเว้นสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน จะพยายามพิจารณาโดยเร็วที่สุด คาดว่าจะยื่นฟ้องได้ไม่เกินวันที่ 17-18 มกราคม
+++คดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ถูกจำคุก 1 ปี 6 เดือน ในคดีขับรถชนคนตายในท้องที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อปี 2548 หลังศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อปี 2556 ก่อนได้รับอภัยโทษเมื่อปี 2558 ร้องเรียนกระทรวงยุติธรรมให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เนื่องจากพบหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าไม่ได้กระทำความผิดดังกล่าวทั้งยังพบตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง
+++นายพงศา ราตรี ทนายความศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีของนางจอมทรัพย์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนกฎหมาย เนื่องจาก ต้องรอกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากเป็นคดีที่สิ้นสุดแล้ว โดยทางศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2559 ให้ศาลชั้นต้นจังหวัดนครพนม รับคำร้องดำเนินการรื้อคดีมาพิจารณาไต่สวนใหม่ ส่วนสิทธิหรือการเรียกร้องความเสียหายสำหรับผู้เสียหายตกเป็นแพะจะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้พ้นผิดเป็นผู้บริสุทธิ์ ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอกดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
+++คดีงัดห้องในศาลอาญา ร.ต.ท.สถาพร บุญสมบัติ พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ควบคุมตัวนายวราพงษ์ หรือปุ๊ สอนน่วม อายุ 37 ปี อดีตพ่อบ้านศาลอาญา (อดีตคนทำสวน)ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์และบุกรุกในเวลากลางคืน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12–23 ม.ค.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานเพิ่มอีก 7 ปาก และรอผลการตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร โดยพนักงานสอบสวน ก็ได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาด้วย ทั้งนี้ ศาลได้สอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้
แฟ้มภาพ