+++นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นนายชินโซ อาเบะ และนางอากิเอะ อาเบะ ภริยา เดินทางถึงกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ เพื่อปฏิบัติภารกิจเยือนฟิลิปปินส์เป็นเวลา 2 วัน ถือเป็นผู้นำระดับสูงสุดของรัฐบาลต่างประเทศคนแรก ที่เดินทางเยือนกรุงมะนิลาอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต รับตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ปีที่แล้ว นายอาเบะ มีกำหนดเดินทางเมืองดาเวาซึ่งเป็นฐานเสียงของนายดูเตร์เตด้วย
+++การเดินทางเยือนฟิลิปปินส์ของผู้นำญี่ปุ่น เกิดขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์ที่กำลังออกห่างจากสหรัฐฯมากขึ้น โดยนายดูเตร์เต ต้องการหันไปฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียแทน หลังขัดแย้งอย่างหนักกับรัฐบาลสหรัฐฯของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่วิจารณ์นโยบายสงครามยาเสพติดและสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง หลังเสร็จสิ้นการเยือนฟิลิปปินส์ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีกำหนดเยือนออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และปิดท้ายที่เวียดนาม เพื่อขยายโอกาสในการลงทุนของญี่ปุ่นออกสู่กลุ่มประเทศดังกล่าว
+++ทหารชุดแรกของทั้งหมด 3,500 นาย พร้อมด้วยรถถังและยานยนต์อื่นๆ ของกองทัพสหรัฐฯ ข้ามแดนจากเยอรมนี เข้าสู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของโปแลนด์ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเมืองซาแกน ซึ่งจะเป็นฐานประจำการ การมาถึงของทหารสหรัฐฯชุดแรก จะมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมของโปแลนด์เข้าร่วมด้วย
+++นับเป็นหนึ่งในการเคลื่อนย้ายกำลังพลครั้งใหญ่ที่สุดของกองทัพสหรัฐฯในยุโรป นับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น และเป็นไปตามคำสั่งเมื่อปี พ.ศ. 2557 ของประธานาธิบดี โอบามา ที่กำลังจะพ้นวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. เพื่อสร้างความอุ่นใจแก่บรรดาประเทศพันธมิตรในยุโรปตะวันออก ที่เกิดความวิตกอย่างหนัก เมื่อรัสเซียผนวกดินแดนแคว้นไครเมียจากยูเครนเมื่อปี 2557 และเริ่มให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏแยกดินแดนภาคตะวันออกของยูเครน
+++ปฏิบัติการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในครั้งนี้ สร้างความโกรธเคืองแก่รัสเซีย ในทันที โดยระบุว่า เป็นภัยคุกคามที่หน้าประตูบ้านของตน นายดมิตรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ปฏิบัติการนี้เป็นภัยต่อผลประโยชน์และความมั่นคงของรัสเซีย ขณะที่นายอเล็กซี เมชคอฟ รมช.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายกำลังพลของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยบ่อนทำลายความมั่นคงในยุโรป
+++กลุ่มอาบู เซยาฟ ที่ขื้นชื่อเรื่องการลักพาตัวเรียกค่าไถ่ และมีฐานอยู่ทางภาคใต้ของฟิลิปินส์ เผยแพร่คลิปวิดีโอนายเจอร์เกน คานท์เนอร์ ชาวเยอรมัน ทหารฟิลิปปินส์ได้รับแจ้งว่ามีผู้พบเรือยอชท์ ร็อคเวลล์ ของนายคานท์เนอร์ ลอยไร้จุดหมายอยู่ในน่านน้ำทางภาคใต้ ภายในเรือพบศพผู้หญิงคนหนึ่ง มีรอยบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน ทราบชื่อภายหลังว่า นางซาบีน เมิร์ซ ชาวเยอรมัน ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของนายคานท์เนอร์ ส่วนตัวนายคานท์เนอร์หายไป คาดว่าถูกคนร้ายลักพาตัว
+++ เจ้าหน้าที่ทางการเยอรมนี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับคลิปวิดีโอของกลุ่มอาบู เซยาฟ โดยแหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ตามนโยบาย รัฐบาลจะไม่ไห้ความเห็น ในกรณีการลักพาตัว หรือจับกุมตัวประกันพลเมืองชาวเยอรมันในต่างแดน
+++ไปที่บังคลาเทศ ร้านอาหารหรูในย่านที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติในกรุงธากา ที่เคยเกิดเหตุกลุ่มก่อการร้ายจับลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปีที่แล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงบังกลาเทศจะบุกจู่โจม จนมีตัวประกันเสียชีวิต 20 คน กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง แต่เปลี่ยนชื่อร้านจากโฮเลย์ อาร์ติซาน เบเกอรี่ เป็นโฮเลย์ คาเฟ่ พนักงานของร้านอาหาร บอกว่า การเปิดร้านอีกครั้งถือเป็นการเริ่มต้นใหม่และแสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่กลัวหรือยอมก้มหัวให้กลุ่มก่อการร้าย ทางการบังกลาเทศสามารถจับกุมและทลายกลุ่มที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีได้จำนวนมาก และยืนยันว่ากลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีตามที่กลุ่มกล่าวอ้าง
+++อัยการเบลเยียม ตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัย 2 คนคือนายฟาริด เค.และนางเมอร์เยม อี.บี.ในความผิดฐานรับเป็นธุระจัดหาเอกสารปลอมให้กับนายคาลิด เอล บัคราอุย หนึ่งในนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ที่ร่วมวางแผนก่อเหตุโจมตีกรุงปารีส ฝรั่งเศส มีคนเสียชีวิต 130 ศพเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ตำรวจเชื่อว่าทั้งสองคนรับเป็นธุระจัดหาเอกสารปลอมให้นายบัคราอุย เข้าไปเตรียมแผนก่อเหตุโจมตีกรุงปารีส ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งสองระหว่างการค้นบ้านต้องสงสัยในกรุงบรัสเซลส์ ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยทั้งสองถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง นอกจากนี้ นายฟาริด เค.ถูกตั้งข้อหาเข้าร่วมกิจกรรมขององค์กรก่อการร้าย
+++หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ รายวันฉบับภาษาอังกฤษ ของรัฐบาลจีน รายงานว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) มีเรือสอดแนมอิเล็กทรอนิกส์ประจำการทั้งหมด 6 ลำ และเตรียมต่อเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 2 เจ้าหน้าที่ประจำภูมิภาคของกองทัพเรือจีน กล่าวว่า ขณะนี้เรือของกองทัพจีนได้เพิ่มการติดตาม และสะกดรอย เรือรบของสหรัฐฯและเรือรบญี่ปุ่น ในน่านน้ำทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก มากขึ้น ถึงแม้ในระหว่างการเคลื่อนย้ายกำลังตามปกติ
+++ด้านสหรัฐฯ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ระบุถึงกรณีที่จีนเดินหน้าก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในทะเลจีนใต้ รวมทั้งความพยายามที่จะควบคุมน่านฟ้าเหนือหมู่เกาะเซนกากุ หรือหมู่เกาะเตี้ยวหยู ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเปรียบเทียบการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆในบริเวณทะเลจีนใต้ ที่หลายประเทศต่างอ้างกรรมสิทธิ์ของจีน ว่าเป็นเหมือนกับที่รัสเซียผนวกคาบสมุทรไครเมีย ท่าทีของนายทิลเลอร์สันครั้งนี้ถูกมองว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับจีนอย่างแน่นอน
+++ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ ปิดที่ 53.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ ปิดที่ 56.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในกรอบแคบๆ นักลงทุนรอรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 และผิดหวังที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจ ระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพุธ ดาวโจนส์ ลดลง 63.28 จุด ปิดที่ 19,891.00 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.88 ปิดที่ 2,270.44 จุด แนสแดค ลดลง 16.16 จุด ปิดที่ 5,547.49 จุด ในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้รับชัยชนะนายทรัมป์ ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการลดภาษีและใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน
+++ราคาทองคำ แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ จากดอลลาร์อ่อนค่าลงและนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,199.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
CR:Manila Bulletin