สมเด็จพระจักรพรรดิ์-พระจักพรรดินีญี่ปุ่น เสด็จฯไทย เข้าถวายบังคมพระบรมศพ รัชกาลที่ 9

12 มกราคม 2560, 12:14น.


สรุปข่าวเที่ยง



+++สำนักพระราชวังญี่ปุ่น แจ้งหมายกำหนดการ สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น ว่า จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 5 - 6 มี.ค.นี้ เพื่อถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช



+++พล.ท.อาวุธ เอมวงศ์ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก เป็นประธานพิธีบวงสรวงขอขมาราชรถ ราชยานและพระยานมาศที่จะดำเนินการเริ่มบูรณะซ่อมแซมก่อนจะใช้ในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยพล.ท.อาวุธ กล่าวว่า กรมสรรพาวุธทหารบกรับผิดชอบ 9 รายการโดยจะมีการปรนนิบัติบำรุงส่วนต่างๆ แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกดำเนินการซ่อมแซมที่พิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะมีการปรนนิบัติบำรุงให้มีความพร้อมในการใช้งาน เช่น การขัด ทาสี และการหล่อลื่น รวมทั้งการซ่อมแซมรายการที่ชำรุดไม่มาก การตรวจสอบจุดยึดตรึง,การเปลี่ยนน็อตหรือสกรูในจุดที่ยึดตรึงต่างๆ และส่วนที่สองคือส่วนที่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ เครื่องจักร และใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมากก็จะเคลื่อนย้ายมาที่กรมสรรพาวุธทหารบก  สำหรับการซ่อมแซมรายการที่ชำรุดมาก เช่น ระบบรับน้ำหนักที่มีสภาพเก่าและผุ อาทิ คานรับน้ำหนักด้านหน้า และท้ายเกริน ชุดบังคับเลี้ยวที่มีสภาพเก่าและมีการชำรุดจึงต้องสร้างชิ้นส่วนบางรายการขึ้นใหม่เพื่อทำการแทนชิ้นส่วนที่ชำรุด เช่น การจัดสร้างล้อประดับของพระมหาพิชัยราชรถ และการสร้างล้อประดับ และโครงสร้างส่วนล่างของราชรถน้อยหมายเลข 9784 จะดำเนินการโดยการถอดแยกชิ้นส่วนต่างๆ มาดำเนินการที่กรมสรรพาวุธทหารบก ซึ่งจะยึดแบบตามของเดิมที่ดีอยู่แล้ว เพราะมีการปรับปรุงมาตลอด  โดยการปรนนิบัติบำรุงราชรถ ราชยาน และพระยานมาศทุกองค์มีกำหนดการแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งทุกองค์ต้องเสร็จสมบรูณ์ ส่วนการทดสอบนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการพิจารณา



+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเบื้องต้นไปแล้ว ทั้งการขยายเวลาชำระหนี้ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไปผ่านธนาคารของรัฐ รวมทั้งมาตรการภาษีให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลมาร่วมบริจาค สามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติมมาฟื้นฟูในทุกด้านของภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งหากพิจารณาจากตัวเลขความเสียหายของภาคเอกชนอยู่ที่ 10,000-15,000 ล้านบาท ถือว่าไม่มากและไม่กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ส่วนการให้ความช่วยเหลือนั้น กำลังหารือกับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐในการพิจารณามาตรการทางการเงิน ในเบื้องต้นมีการเสนอให้นำมาตรการสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน (ซอฟท์โลน) มาช่วยเหลือ



+++จ่ายแล้ว นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ม.ค. 2560 บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า ผู้นำเข้ารถเมล์ เอ็นจีวี 489 คัน ได้มายื่นใบขนสินค้าโดยระบุถิ่นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเซีย อย่างไรก็ตามยอมจ่าย ค่าภาษีอากรร้อยละ 40 พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7  ทั้งหมด 291 คัน รวมเป็นเงิน 427 ล้านบาท  ก่อนหน้านี้บริษัท ซุปเปอร์ ซาร่าได้นำเงินวางประกันค่าภาษี 1.2 ล้านบาท ค่าปรับ 2 เท่าของอากรที่ขาดและ 1 เท่าของภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมเป็นเงิน 3.7 ล้านบาท เพื่อมาขอนำรถเมล์เอ็นจีวีล็อตแรกจำนวน 1 คัน จาก 100 คัน ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้เหลือรถจำนวน 99 คันในส่วนแรกที่ยังไม่ได้มีการนำออก คาดว่าจะตรวจปล่อยรถได้ ครบ 291 คันภายในวันที่ 13 ม.ค. 2560 นี้



+++นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "ธวัชชัย ไทยเขียว" ถึงกรณีที่มีเยาวชนที่เป็นนักศึกษาแพทย์ วิศวกรรม และอื่นๆ เข้าไปร่วมอยู่ในกระบวนการรับจ้างเข้าไปเฉลยข้อสอบการสอบคัดเลือกนักเรียนนายสิบตำรวจนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เยาวชนเหล่านี้ จะต้องมีประวัติอาชญากรติดตัวไปชั่วชีวิต ไม่สามารถเข้ารับราชการ หรืองานอื่นใดที่หน่วยงานเหล่านั้นได้กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนที่จะเข้าทำงานได้ว่า "ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยต้องโทษจำคุกหรือต้องคำพิพากษามาก่อน  สถานศึกษาก็ไม่ควรไปตัดสิทธิการให้ศึกษาต่อของเยาวชนเหล่านี้ มิเช่นนั้นจะเป็นการสร้างภาระให้กับสังคมและประเทศชาติ ไม่ใช่เป็นการสร้างพลัง ส่วนเขาเหล่านั้นเมื่อจบการศึกษาไปแล้วจะไปทำธุรกิจส่วนตัว หรือไปเจอหน่วยงานใจดีรับให้เข้าไปทำงานก็ได้ และที่สำคัญก็จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้าน การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน ประเทศไทยควรเป็นประเทศที่มุ่งลงโทษเพื่อการบำบัด แก้ไขฟื้นฟู มากกว่าเพื่อเป็นการแก้แค้นทดแทน



+++ ในกรณีนี้อัตราโทษบทที่มีโทษหนักสุด คือ ฐานความผิดอั้งยี่ มาตรา 209 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่น 4 พันบาท หากผู้ต้องหาหรือจำเลยกรณีที่ศาลประทับรับฟ้องแล้วปฏิเสธ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามกระบวนการต่อไป แต่หากจำเลยกระทำความผิดจริงและให้การรับสารภาพ อัตราโทษก็จะลดลงมากึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี 6 เดือน ก็จะอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถขอเหตุอันควรแก่การปรานีต่อศาล ด้วยการร้องขอต่อให้ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติทำการสืบเสาะและพินิจ อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม ด้วยว่าตนเองไม่ปรากฏว่ากระทำความผิดอื่นใด หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน

ข่าวทั้งหมด

X