ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
++++นายดมิตรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียว่า ผู้นำรัสเซียปฏิเสธคำอ้างของสื่อสหรัฐฯที่ระบุว่าหน่วยข่าวกรองรัสเซียมีข้อมูลส่วนตัวที่อาจจะสร้างความเสื่อมเสียแก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เปรียบเทียบคำกล่าวหานั้นว่ามีเนื้อหาคล้ายภาพยนต์ของฮอลลีวูดเรื่องพั๊ลพ์ ฟิคชั่น เขย่าชีพจรเกินเดือด และเป็นความพยายามอย่างชัดเจนที่จะทำลายสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง ก่อนหน้านี้มีคำอ้างที่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของเรื่องระบุว่า ทีมรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ มีการติดต่อสารอย่างลับๆกับรัฐบาลรัสเซีย ระบุอีกว่ารัสเซียมีข้อมูลเรื่องว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯพัวพันกับหญิงโสเภณีหลายคน
ด้านนายทรัมป์ประณามรายงานดังกล่าว ระบุว่าเป็นข่าวเท็จโดยสิ้นเชิง มุ่งจะหาแพะรับบาปทางการเมืองโดยโยนความผิดให้กับรัสเซีย นายทรัมป์ ทวีตข้อความเพิ่มเติมว่ารัสเซียไม่เคยพยายามจะสร้างอิทธิพลเหนือเขาเนื่องจากเขาเองไม่เคยมีกิจที่ต้องติดต่อสัมพันธ์กับรัสเซีย คือไม่เคยทำข้อตกลงทางธุรกิจ ไม่เคยขอกู้เงินและไม่เคยติดต่อกันใดๆกับรัสเซียทั้งสิ้น
+++โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันพุธ(11ม.ค.) เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับชัยชนะศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เผยจะยังคงความเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจทั่วโลกของตนเอง แต่จะส่งมอบการดูแลแก่ลูกชายคนโต 2 คน ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แนวทางจัดการที่กลุ่มเฝ้าระวังต่างๆแสดงความกังวลต่อผลประโยชน์ทับซ้อน ทรัมป์บอกระหว่างแถลงข่าวว่าเขาจะลาออกจากทุกตำแหน่งที่ดูแลโรงแรม สนามบินและธุรกิจอื่นๆอีกหลายร้อย และโอนทรัพย์สินสู่กองทุนทรัสต์แห่งหนึ่ง เพื่อรับประกันว่าเขาจะไม่จงใจใช้ตำแหน่งหน้าที่ประธานาธิบดีดำเนินการต่างๆเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง การแถลงข่าวครั้งนี้ถูกกำหนดมาเพื่อให้ ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ แจกแจงรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับกิจการธุรกิจของเขา แต่กลับถูกลดบทบาทลงเมื่อมีประเด็นถกเถียงจากข้อกล่าวหาที่ว่า รัสเซีย แฮกระบบทีมหาเสียง ฮิลลารี คลินตันและพรรคเดโมแครต เพื่อช่วยให้เขาได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง ทรัมป์ ตวาดใส่สื่อมวลชนและประชาคมข่าวกรองระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรัสเซีย แต่ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าดูเหมือน รัสเซีย จะแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ว่าประธาธานาธิบดีรายนี้บอกว่ารัสเซียอาจอยู่เบื้องหลังการแฮกข้อมูลคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแคตและอีเมลของทีมหาเสียงของคลินตัน แต่ปกป้องเป้าหมายของเขาที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซีย นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังได้พูดถึงประเด็นผู้อพยพ โดยบอกว่าจะต้องมีการเจรจาเรื่องงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นชายแดนติดกับเม็กซิโกในทันทีที่เขารับตำแหน่ง
++++ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯได้กล่าวอำลาในโอกาสจะพ้นจากตำแหน่งในการแถลงต่อประชาชนทั่วประเทศในรัฐบ้านเกิดคือรัฐชิคาโกเมื่อคืนวานนี้ เรียกร้องให้ประชาชนกระตือรือร้นและหวงแหนในการพิทักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตย ต่อไปนี้คือวาทะเด็ดในหลายประเด็นที่ผู้นำสหรัฐฯกล่าวถึงคือ เรื่องประชาธิปไตย นายโอบามากล่าวว่าประชาธิปไตยจะบิดเบี้ยวเมื่อประชาชนยอมจำนนต่อความหวาดกลัว ผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่าไม่ใช่แค่เรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริตหรือการไม่รู้จักแยกแยะข้อเท็จจริงเท่านั้น เรื่องปัญหานี้ถือว่าเป็นการทำลายตนเองด้วย ในเรื่องปัญหาการเหยียดผิวในสหรัฐฯ
+++ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณทำตามข้อตกลงลดผลิต ส่งผลทำให้สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
++++ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(11ม.ค.) ปิดบวกท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 98.75 จุด (0.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,954.28 จุด หุ้นกลุ่มยาหรือเวชภัณฑ์ปรับตัวลดลงทันที หลังจากทรัมป์กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมนี้ ว่า "สมรู้ร่วมคิดกับฆาตกร" ต่อการผลิตนอกประเทศและขายยาราคาแพงเกินไป โดยเขาบอกว่าจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนต่างๆสำหรับการประมูลผลิตยา
+++ส่วนราคาทองคำในวันพุธ(11ม.ค.) ปิดบวก แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ จากดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กระพือความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 11.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,196.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน
+++รัฐบาลสหรัฐฯได้ขึ้นบัญชีดำกลุ่มเจมาห์ อันชารุต ดูลาห์(เจเอดี)ของอินโดนีเซียเป็นองค์กรก่อการร้ายที่สนับสนุนกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) สั่งคว่ำบาตรและอายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯของสมาชิกหลายร้อยคนของกลุ่มฯ โดยกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯระบุว่ากลุ่มเจเอดีจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นองค์กรก่อการร้ายโดยเฉพาะ มีผลให้ทางการสหรัฐฯสั่งห้ามไม่ให้กลุ่มนี้จัดหาเงินทุนในสหรัฐฯและห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันติดต่อสัมพันธ์กับองค์กรดังกล่าว ที่ผ่านมาอินโดนีเซียมีความเสี่ยงมากขึ้นที่เกิดภัยคุกคามความมั่นคงและเกิดเหตุรุนแรงมาหลายครั้งจากกลุ่มก่อการร้ายระดับท้องถิ่นซึ่งมีแรงบันดาลใจจากกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก
+++นายโทมัส เดอ แมแซร์ รัฐมนตรีความมั่นคงภายในของเยอรมนีว่า จำนวนผู้อพยพที่เดินทางเข้าไปยังเยอรมนีเมื่อปีที่แล้วมีจำนวน 280,000 คน ลดกว่า 6 แสนคนในปี 2558 เป็นผลพวงจากการปิดชายแดนติดต่อกับยุโรปตะวันตกของหลายประเทศในแถบคาบสมุทรบอลข่านในปี 2559 และข้อตกลงว่าด้วยผู้อพยพระหว่างสหภาพยุโรป(อียู)กับตุรกี ระบุว่าตัวเลขที่ลดลงแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเยอรมนีสามารถบริหารจัดการและควบคุมนโยบายการเข้าเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
+++ยอดผู้เสียชีวิตจากวิกฤตฤดูหนาวยุโรปเพิ่มเป็น 61 คน 1 ใน 3 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในโปแลนด์ ความหนาวเย็นทำให้การขนส่งในแม่น้ำดานูบถูกสั่งยกเลิก ตลอดระยะทาง 900 กม. ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ในยุโรป นอกจากนี้ ยังพบว่า ตลอดช่วง 3 วัน มีผู้เสียชีวิต 3 รายเกิดขึ้นในมาซิโดเนียท่ามกลางสภาพอุณหภูมิที่ต่ำอยู่ที่ -20 องศาเซลเซียส และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี ที่เกิดหิมะตกในเมืองซารานด์ (Saranda) อัลเบเนีย มีหลังจากที่ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากองค์การสิทธิมนุษยชนและหน่วยงานต่างๆ ทำให้เจ้าหน้าที่กรีกบนเกาะเลสบอส (Lesbos) เริ่มขยับตัว และออกมาประกาศจะทำการเคลื่อนย้ายผู้อพยพจำนวน 250 คน ที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ในศูนย์อพยพเข้าไปอาศัยอยู่ในห้องว่างของโรงแรมชั่วคราว หลังจากหิมะยังตกหนักต่อเนื่องทั่วทั้งกรีซ
+++เสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ 6 ต้น ที่ออกแบบรูปลักษณ์เป็นเหมือนต้นไม้เพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ถูกติดตั้งในเขตอุทยานโบราณสถานนครวัด ของกัมพูชา เพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ปรับปรุงความครอบคลุมของสัญญาณ และความเร็วอินเทอร์เน็ต อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวในพื้นที่ โสก สังวา รองผู้อำนวยการองค์การอัปสรา กล่าวว่า บริษัทสมาร์ท เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายแรกที่เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ต 4G ในเขตนครวัด ส่วนผู้ให้บริการรายอื่นๆ จะดำเนินการตามในเร็วๆ นี้นับเป็นครั้งแรกที่กัมพูชาได้ติดตั้งเสาสัญญาณที่มีรูปลักษณ์เหมือนต้นไม้ ในความพยายามที่จะรักษาความสวยงามของธรรมชาติโดยรอบ สอดคล้องต่อมาตรฐานของแหล่งมรดกโลก อุทยานโบราณสถานนครวัดตั้งอยู่ใน จ.เสียมราฐ เป็นปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของกัมพูชา โดยในปี 2559 โบราณสถานแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมชมเกือบ 2.2 ล้านคน ทำรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม 62.5 ล้านดอลลาร์.