นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการดำเนินการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด และตามนโยบายที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าฝ่ายกฏ หมายและกระบวนการยุติธรรมได้สั่งการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด กำหนดมาตรการที่จะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน 5 มาตรการ เน้นการควบคุมชายแดน สกัดกั้นยาเสพติด ตั้งด่านตรวจ และทำลายเครือข่ายผู้ค้าตามแนวชายแดน ควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ ควบคุมการค้าในเรือนจำเพื่อเป็นการตัดผู้ค้ารายใหญ่จากเรือนจำสู่ภายนอก ควบคุมพื้นที่การค้ารุนแรง ดำเนินการสืบสวน และปราบปราม ตัดวงจรการค้ายาเสพติด และควบคุมพื้นที่เสี่ยงและปัจจัยเสี่ยง เร่งดำเนินการลดจำนวนผู้เสพด้วยการบำบัด นายเพิ่มพงษ์ เปิดเผยว่า มาตรการทั้งหมดจะมีผลในระยะยาวที่จะมีผลเป็นรูปธรรมคือจะทำให้ยาเสพติดหายากขึ้นและราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้เสพลดน้อยลง สถิติการปราบปรามอาจไม่สูง แต่หากควบคุมได้ในระยะเวลา3เดือน จะส่งผลดีในระยะยาว ปปส.จะเป็นหน่วยบริหารยุทธ์ศาสตร์ และจัดการรายงานผลให้ พล.อ.ไพบูลย์ ทราบ ส่วนความคืบหน้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงอายุ 13 ปี ที่คนร้ายรับสารภาพว่าเสพยาเสพติดก่อนลงมือ รู้สึกเสียใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งการให้ในทุกพื้นที่ควบคุมเข้มขึ้น และมีการสอบสวนคนร้ายถึงที่มาของยาเสพติด และจะประสานจับกุมต่อไป
สานนท์