พลเอกวาเลรี เฮเลเตย์ รัฐมนตรีกลาโหมของยูเครน กล่าวว่า ยูเครนได้ปฏิเสธกระแสกดดันจากสหภาพยุโรปหรืออียู เมื่อไม่ยอมเจรจากับกลุ่มกบฏที่ฝักใฝ่รัสเซียในเรื่องการหยุดยิง เพื่อยุติเหตุความไม่สงบจนกว่าพวกเขาจะยอมวางอาวุธ ท่าทีดังกล่าวสะท้อนถึงความมั่นใจของรัฐบาลยูเครนว่าใกล้ที่จะสามารถปราบปรามกลุ่มกบฏ ซึ่งยูเครนมองว่าเป็นการตอบโต้ของรัสเซีย ต่อกรณีการสั่งปลดประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ที่ฝักใฝ่รัสเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมทั้งสามารถจะเดินหน้าแผนการสร้างพันธมิตรครั้งประวัติศาสตร์กับชาติตะวันตก
แต่มาตรการนี้ของยูเครนย่อมจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำอียู ที่ผลักดันให้มีการใช้แนวทางการทูตเพื่อแก้ไขวิกฤติครั้งร้ายแรงที่สุดของภูมิภาคนี้ในรอบหลายสิบปี พร้อมทั้งสร้างความไม่พอใจให้กับรัสเซีย ที่ต้องการให้ยูเครนยอมประนีประนอม เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนที่พูดภาษารัสเซียในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนกับประเทศรัสเซียต่อไป
กองกำลังยูเครนประสบผลสำเร็จในการจู่โจมทางทหารมาหลายครั้งนับตั้งแต่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่งผลให้นักรบกลุ่มติดอาวุธส่วนใหญ่ต้องถอยกลับไปยังเมืองโดเนสค์และเมืองลูฮันสก์ ทางภาคตะวันออกของประเทศ 2 เมืองเอกที่กลุ่มติดอาวุธประกาศตั้งเป็นสาธารณรัฐของพวกเขา
ด้านประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน ได้สั่งการให้ทหารปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้กลุ่มติดอาวุธเล็ดลอดเข้าไปในตัวเมือง พร้อมทั้งควบคุมไม่ให้มีการจัดส่งอาวุธให้กับกลุ่มกบฏ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบชัดเจนว่าผู้นำยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกต้องการจะโน้มน้าวกลุ่มกบฏให้ยอมล้มเลิกแผนการจัดทำประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากยูเครน หรือไม่ หลังดำเนินการมาแล้ว 3 เดือน ทั้งนี้เพื่อเข้าร่วมกับรัสเซีย