+++ทุกภาคส่วนร่วมช่วยประชาชนในหลายจังหวัดทางภาคใต้ จากสถานการณ์น้ำท่วมหนัก พันตำรวจเอกสุรพงษ์ ถนอมจิตร รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ พร้อมด้วยพันตำรวจเอกอังกูร คล้ายคลึง รักษาราชการแทนผู้บังคับการองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกัน ตรวจดูความเรียบร้อย การเคลื่อนย้ายเรือไฟเบอร์ท้องแบน รวม 150 ลำ ซึ่งพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการ ให้จัดหาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ โดยเรือทั้งหมดจะถูกส่งโดยขบวนรถไฟสายใต้ สุดทางที่ สถานีรถไฟพุนพินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนจะส่งต่อด้วยกำลังทหารและตำรวจในพื้นที่ มอบให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพื้นที่ เนื่องจากขบวนรถไฟไม่สามารถวิ่งลงพื้นที่ได้เพราะระดับน้ำท่วมสูง ทั้งนี้ขบวนรถไฟดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากการรถไฟแห่งประเทศไทยในการจัดส่งฟรีด้วยขบวนรถเร็วที่ 171 จะออกจากสถานีหัวลำโพงในเวลา 13.00 น และมีกำหนดถึงปลายทางสถานีพุนพินจังหวัดสุราษฎร์ธานีในเวลา 00.22 น. เพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน
+++รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคใต้ส่งผลให้รถไฟ เดินทางได้ถึงเพียงสถานีทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และมีขบวนรถไฟตกค้างรวม 8 ขบวน มีประชาชนกว่า 1300 คนได้รับผลกระทบซึ่งช่วงบ่ายวันนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย จะจัดรถไฟขบวนพิเศษเพื่อรับประชาชนที่ตกค้างต่อไป
+++เหตุการณ์อุบัติเหตุรถตู้โดยสารเสียหลักข้ามเลนพุ่งชนรถกระบะบนถนนสายบ้านบึง-แกลง ฝั่งมุ่งหน้า อ.แกลง จ.ระยอง ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 25 คน นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ได้ส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT:Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) จากศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 ประสานกับทีมช่วยเหลือโรงพยาบาลบ้านบึง ประเมินและเยียวยาจิตใจผู้ได้รับบาดเจ็บ ครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อให้ได้รับการดูแลสภาพจิตใจอย่างเหมาะสม โดยจะมีการติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมั่นใจ ทั้งนี้ความเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย เครียด มึนชา พูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูกนั้นเป็นเรื่องปกติในการการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และจะค่อยๆ ดีขึ้น หากได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากคนใกล้ชิด คอยสังเกตอาการ รับฟังให้กำลังใจ สิ่งสำคัญคือลดการตั้งคำถามซ้ำๆ หรือตอกย้ำสถานการณ์
+++พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า จากนโยบาย ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ ตั้งแต่ 29 ธันวาคม 2559-4 มกราคม 2560 โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมทั้งอาสาสมัครป้องกันภัย ได้ร่วมกันจัดตั้งจุดบริการประชาชนและด่านตรวจ ในเส้นทางต่างๆ รวมถึงสถานีขนส่ง เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้มงวดในมาตรการดังกล่าว พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า โดยตลอด 7 วัน ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับ 161,368 คน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 104,675 คน รถโดยสารสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคคล 56,693 คน)เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้ทั้งหมด 4,354 คัน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 3,118 คัน และรถยนต์ 1,236 คัน)ส่งดำเนินคดี 66,783 คน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 42,240 คน รถโดยสารสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคล 24,543 คน)
+++พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ คสช.โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ในทุกพื้นที่กำลังดำเนินการคืนรถให้กับเจ้าของตามข้อตกลงที่ได้แจ้งไว้ ส่วนรถที่จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจะต้องรอผลทางคดีให้เสร็จสิ้นก่อน อย่างไรก็ตาม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขอขอบคุณประชาชนที่ได้ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการลดอุบัติเหตุ รวมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ได้ทุ่มเทปฏิบัติงานดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดียิ่ง
+++กรณีแฟนบอลจุดพลุแฟลร์ คณะกรรมการวินัยสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ( เอเอฟซี) ทำหนังสือถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แจ้งบทลงโทษจากกรณีแฟนบอลจำนวนหนึ่งมีการจุดพลุแฟลร์ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในเกมฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง ที่พบทีมชาติอินโดนีเซีย ในวันที่ 11 ธันวาคม 2559 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถูกสั่งให้จ่ายค่าปรับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ราว 1,076,790 ล้าน) สำหรับการละเมิดบทที่ 68.1 ประกอบกับบทที่ 67.1 ของระเบียบข้อบังคับทางวินัยเอเอฟซี ค่าปรับดังกล่าวจะต้องชำระภายใน 30 วัน นับจากวันที่การตัดสินนี้สื่อสารถึงผู้ที่เกี่ยวข้องของบทที่ 15.3 ของระเบียบ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศ ได้รับการแจ้งเตือนว่า หากมีการละเมิดข้อบังคับดังกล่าวซ้ำ จะได้รับบทลงโทษที่รุนแรงกว่าเดิม
+++นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่าถือเป็นบทลงโทษขั้นต้นสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งอาจมีบทลงโทษที่หนักขึ้นตามมาในภายหลังหากเกิดปัญหาซ้ำซ้อน สมาคมทำงานอย่างหนักเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการวินัยของเอเอฟซีเข้าใจว่าเราจริงจังกับการแก้ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากทั้งตำรวจและฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึงทำแผนการรับมือปัญหาดังกล่าวให้ทางเอเอฟซีพิจารณาเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ดี ทางเอเอฟซีได้ย้ำเตือนมาอีกด้วยว่าหากเกิดขึ้นในการแข่งขันของฟีฟ่า และเอเอฟซีครั้งต่อไป จะมีการลงโทษในขั้นที่สูงกว่าการปรับเงิน เพื่อไม่ให้ปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต สมาคมฯ ต้องขอความร่วมมือจากแฟนบอลให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ผิดข้อบังคับทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีบทลงโทษที่รุนแรงกว่าเดิมจากทางเอเอฟซีในภายหลัง
Cr.สิงห์อาสา หัวใจสิงห์ ห้องไลน์ ข่าวสดที่เกิดเหตุ