นายพอล ไรอัน ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างง่ายดายต่ออีก 1 สมัย และเป็นไปตามความคาดหมาย ขณะที่การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น มีการโต้เถียงกันเกิดขึ้นภายในกลุ่มผู้แทนจากพรรครีพับลิกันด้วยกันเองจนประธานการประชุมต้องสั่งให้หยุดการโต้เถียง
เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 มกราคมนี้ พรรครีพับลิกันจะมีอำนาจเด็ดขาดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2550 ทั้งในทำเนียบขาว มาจนถึงสภาคองเกรสซึ่งรีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ทั้งสองสภา คือสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งแกนนำรีพับลิกันประกาศเป้าหมายการทำงานแนวอนุรักษ์นิยมหลายด้าน ตั้งแต่การลดภาษี ไปจนถึงการปรับแก้ระบบประกันสุขภาพของนายบารัก โอบาม่า ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตประธานาธิบดี ซึ่งผ่านมานักการเมืองของรีพับลิกันใช้เสียงส่วนใหญ่ในสภาขัดขวางกฎหมายและนโยบายของนายโอบาม่าอยู่หลายฉบับ และนายไรอันเห็นว่า การที่พรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดก็คือการที่ประชาชนได้แสดงให้เห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของเดโมแครต ดังนั้นรีพับลิกันจึงจะเดินหน้าทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้
ส่วนกรณีที่เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกัน ออกเสียงสนับสนุนให้ลดบทบาทการสอบสวนจริยธรรมสมาชิกสภาคองเกรส ทั้งการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือแจ้งหลักฐานทางการเงินไม่ถูกต้อง ซึ่งมีแกนนำรีพับลิกันหลายคนรวมถึงนายไรอันที่ไม่เห็นด้วยนั้น นายทรัมป์ทวิตข้อความวิจารณ์ผู้เสนอกฎหมายฉบับนี้ รวมถึงสมาชิกเดโมแครตและรีพับลิกันว่า กำลังลดคุณค่าของสภาคองเกรส ทั้งที่ควรจะทำหน้าที่สำคัญทั้งการปฏิรูปภาษี สาธารณสุขหรือเรื่องอื่น ๆ ที่มีความยิ่งใหญ่มากกว่า
...
F163