นับแต่ข้อตกลงหยุดยิงในซีเรียซึ่งรัฐบาลรัสเซียและตุรกีช่วยไกล่เกลี่ยเริ่มมีผลเมื่อเที่ยงคืนวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นของซีเรีย บีบีซีรายงานอ้างนายรามี อับเดล ราห์มาน ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนซีเรียในกรุงลอนดอน อังกฤษว่า การหยุดยิงรอบใหม่ทั่วประเทศซีเรียระหว่างกองกำลังรัฐบาลซีเรียและฝ่ายกบฏดูเหมือนจะมีผลเป็นส่วนใหญ่ สถานการณ์โดยรวมในซีเรียเงียบสงบเมื่อคืนนี้ แต่มีเหตุปะทะกันในบางพื้นที่ระหว่างกองกำลังรัฐบาลซีเรียกับกบฏกลุ่มเล็กๆในบางแห่งเช่นจังหวัดฮามา ทางภาคเหนือของซีเรีย,เมืองกูตาทางตะวันออกของกรุงดามัสกัสและจังหวัดอิดลิบทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
เขากล่าวว่ากบฏกลุ่มเล็กๆดังกล่าวต้องการจะทำลายข้อตกลงหยุดยิงเนื่องจากพวกเขามองว่าข้อตกลงนี้อาจจะส่งผลให้พวกเขาไม่มีที่มั่นอยู่ในซีเรียอีกต่อไป ข้อตกลงนี้ใช้บังคับกับกบฏหลายกลุ่ม แต่ไม่รวมถึงกลุ่มรัฐอิสลามหรือกลุ่มกบฏวายพีจีชาวเคิร์ดที่เคลื่อนไหวอยู่ในแถบชายแดนภาคใต้ของตุรกี หากการหยุดยิงมีผลเช่นนี้ แม้ว่าจะเกิดเหตุปะทะในบางแห่ง การพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลซีเรียและฝ่ายกบฏที่ร่วมลงนามหยุดยิงจะมีขึ้นในกรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถานภายใน 1 เดือนนับจากนี้ไป
ที่สำคัญคือหากกองทัพซีเรียสามารถยึดคืนเมืองอเล็ปโปกลับมาได้ทั้งหมดย่อมแสดงให้เห็นว่ารัสเซียและบรรดาพันธมิตรซีเรียประสบความสำเร็จในการใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อคลี่คลายวิกฤติของซีเรีย และการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่นี้บ่งชี้ว่า รัสเซียประเมินสถานการณ์ด้านการทูตได้อย่างแม่นยำเช่นกัน คือข้อตกลงหยุดยิงครั้งก่อนเป็นผลจากริเริ่มโดยลำพังของสองมหาอำนาจคือสหรัฐฯและรัสเซีย จึงล้มเหลวในที่สุด
ส่วนข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่นี้เกิดจากการริเริ่มและการปรับปรุงสัมพันธ์ให้ดีขึ้นระหว่างรัสเซียกับตุรกี ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งในสงครามซีเรียเนื่องจากสหรัฐฯยอมรับโดยปริยายว่า ล้มเหลวในการแก้ปัญหาวิกฤติของซีเรีย ขณะที่ตุรกีส่งสัญญาณถึงกลุ่มกบฏว่าผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของตุรกีต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด เหตุรุนแรงในซีเรียนับแต่เดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นมา มีคนเสียชีวิตแล้ว 3 แสนศพ คนกว่า 4 ล้านคนต้องอพยพเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านหรือยุโรป