นักวิชาการชี้แนะ ไม่บังคับใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อย่างเข้มงวดเพราะอาจกลายเป็นการข่มขู่

 

ด้านนางสาวฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 2559 พยายามจะแก้เรื่องที่เป็นปัญหา แต่ก็ยังมีการตั้งคำถามว่าการแก้ไขปัญหานั้นจะทำได้จริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็พบการใช้กฎหมายเพื่อปิดกั้นการแสดงความเห็นหลายครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการรวมตัวของภาคประชาชน นักสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหว นักอนุรักษ์ และกลุ่มอื่น ๆ ทั้งนี้ การสร้างสมดุลด้านกฎหมาย เช่น การตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 9 คน เพื่อมาทำหน้าที่พิจารณาเนื้อหานั้น ยังสงสัยว่าจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ เพราะยังเป็นปัญหาโลกแตกของทุกประเทศ ที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ นอกจากนี้ การแก้ไขกฎหมายให้ดีขึ้น ยังต้องลดความกำกวมของถ้อยคำ ต้องเขียนให้ชัดเจน และจะต้องไม่นำเอากฎหมายมาใช้ข่มขู่ซึ่งกันและกัน

นางสาวฐิติรัตน์ มองว่า ไม่ควรนำกฎหมายมาควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไป เพราะจะเป็นการตีกรอบผู้ใช้งาน ซึ่งหากมีการละเมิดกฎหมายมากขึ้น ก็จะบังคับใช้ไม่ได้ในทุกข้อ ขาดความศักดิ์สิทธิ์ในข้อกฎหมาย และที่สำคัญคือ ขัดขวางการเจริญเติบโตในวิจารณญาณของคนในสังคม ซึ่งเราควรจะต้องสร้างสังคมที่ต่อต้านสิ่งที่ไม่ดี เช่นที่ผ่านมา มีการต่อต้านการถ่ายทอดสดคนฆ่าตัวตาย เยาวชนถ่ายทอดสดการเต้นอนาจาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้น

 

ขณะที่น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล เครือข่ายพลเมืองเน็ต (ThaiNetizen) เปิดเผยว่า สำหรับผู้ประกอบการ มองว่า ในมาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดให้ความร่วมมือ ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำผิด ตามมาตรา 14 ซึ่งในข้อนี้จะสามารถใช้ได้สำหรับเว็บไซด์ขนาดใหญ่ เช่น เว็บไซด์ พันทิพ ที่มีทีมทนายเพื่อต่อสู้คดี หากมีการฟ้องร้อง และสอบถามผู้ตั้งกระทู้แล้วว่าข้อมูลที่เผยแพร่นั้นเป็นความจริง แต่จะใช้ไม่ได้สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่ไม่มีทีมทนายความ หรือ ไม่มีเงินพอที่จะต่อสู้คดี เนื่องจากการต่อสู้คดีจะต้องใช้เงินจำนวนมาก

 

...

 

ผสข.สมจิตร์ พูลสุข