ผอ.สถาบันอิศรา วิตกการใช้อำนาจทางกม.ตามพรบ.คอมพิวเตอร์ กรณีลบข้อความ/เอาผิดผู้ให้บริการ

ผลกระทบของผู้ให้บริการด้าน คอมพิวเตอร์ หลังจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ผ่านวาระ3 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในงานเสวนา เรื่อง ก้าวต่อไปของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต หลัง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2559   นายศรัทธา หุ่นพยนต์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายบริษัท Lazada (Thailand) กล่าวว่า พรบ. ฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวล อยู่ที่ผู้ใช้กฎหมายจะตีความกฎหมายนี้อย่างไร อย่างไรก็ตามรู้สึกสบายใจ กับมาตรา 15 ที่ระบุเรื่องของ การระวางโทษผู้ให้บริการ กรณีที่ให้ความร่วมมือกับผู้รู้เห็นเป็นใจกระทำความผิด เพราะมีการกำหนดโทษของผู้ให้บริการที่ชัดเจนขึ้น และเชื่อว่า พรบ.ฉบับนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการมากนัก หากปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  อย่างไรก็ตามในบางข้อความของพรบ.นี้ ยังใช้คำที่กว้างเกินไป จนไม่สามารถตีความได้

ด้านนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา แสดงความคิดเห็นว่า พรบ. ที่ออกมานั้น เป็นกฎหมายที่ไม่ได้น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัว คือเรื่องการใช้อำนาจทางกฎหมายมากกว่า ที่จะทำให้ผู้ให้บริการเกิดความกลัว นอกจากนี้ยังได้เสนอแนะให้ พรบ.ฉบับนี้ มีความชัดเจน  เรื่องข้อความเช่นเดียวกับนายศรัทธา โดยยกตัวอย่าง ใน มาตรา 20 ที่จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ระงับหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งนายประสงค์ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า คำว่าศีลธรรมอันดีนั้น เป็นความหมายที่กว้างเกินจะเข้าใจได้ว่าการแสดงความคิดเห็นในรูปแบบใดที่จะเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่เข้าข่าย

นอกจากนี้ ในมาตรา 15 ที่ระบุ ถึง บทลงโทษของผู้ให้บริการ ซึ่งระบุว่า ถ้าผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าตนได้ปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีที่ออก ตามวรรคสอง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ซึ่งคำว่า ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษเป็นการแปลความหมาย ว่าผู้ ให้บริการนั้นมีโทษอยู่แล้ว แต่ได้รับการยกเว้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าตนปฏิบัติตาม ประกาศของรัฐมนตรีที่ออกมาคือการที่ไม่มีความผิดใดเลย

ด้านนายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล เลขานุการมูลนิธิเพื่ออินเตอร์เน็ต  และวัฒนธรรมพลเมือง กล่าวเห็นด้วยกับนายประสงค์ในมาตราที่ 15 ซึ่งไม่อยากให้ใช้คำว่า ผู้ให้บริการไม่ต้องรับโทษ เพราะผู้ให้บริการจะถูกมองว่า มีความผิดแต่ไม่ได้รับโทษ  ส่วนเรื่องของการระงับข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์นั้น อยากให้แยกระหว่าง ผู้ให้บริการซึ่งอาจเป็นเจ้าของเว็บไซต์บนคอมพิวเตอร์ กับเจ้าของเนื้อหาของข้อมูลโดยตรง ซึ่งหากจะมีการระงับข้อมูลหรือลบข้อมูล ก็อยากที่จะให้เจ้าของเนื้อหา ได้มีสิทธิเสรีภาพในข้อมูลนั้นๆ ด้วย โดยเมื่อมีการแจ้งให้ระงับหรือลบข้อมูลไม่อยากให้แจ้งไปแค่ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บไซต์นั้นๆ อย่างเดียว เพราะข้อมูลเป็นของเจ้าเนื้อหา ควรต้องมีการส่งเรื่องเพื่อให้เจ้าของเนื้อหาทราบและมีส่วนร่วมในการจัดถูกลบข้อมูลนั้นด้วย นอกจากนี้ยังได้เสนอในเรื่องลิขสิทธิ์ หรือทรัพย์สินทางปัญญา ว่าจำเป็นที่จะต้องมีการคุ้มครองเจ้าของ และปราบปรามผู้ละเมิดอย่างจริงจัง แต่ในกรณีของการละเมิดลิขสิทธิ์  ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมก็อยากที่จะให้มีการยกเว้นหรือพิจารณาอีกที