การประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียตะวันออกด้านครอบครัวและความเสมอภาคระหว่างเพศ ประเทศไทย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยมีคณะผู้แทนจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก 17 ประเทศ อาทิ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมถึงเอกอัครราชทูต ผู้แทนเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้นับเป็นมิติใหม่ของความร่วมมือในระดับภูมิภาค เป็นเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการส่งเสริมให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนสถาบันครอบครัว ให้มีคุณภาพ และสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะเมื่อสถาบันครอบครัวมีคุณภาพก็จะทำให้สังคมดี เนื่องจากเรามีหน้าที่ 3 อย่าง ที่ต้องทำคือ การทำเพื่อประชาชน ทำเพื่อประชาคม และทำเพื่อมวลมนุษยชาติ ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะช่วยให้ครอบครัวมีคุณภาพต้องอาศัยทั้งสภาวะภายในคือความรักความอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัว การอบรมเลี้ยงดู และภายนอกคือ ความพร้อมของสาธารณูปโภคพื้นฐาน การจัดสรรดูแลพื้นที่ที่อยู่อาศัย การสร้างสังคมปลอดภัย รวมไปถึงความเสมอภาคทางเพศ ที่การแสดงความเคารพ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำต่อกันอย่างเท่าเทียม ควรสนับสนุน และเปิดโอกาสให้สตรีแสดงศักยภาพ และความสามารถผ่านการทำงาน การเป็นผู้นำในภาคธุรกิจรวมถึงภาครัฐ อย่างยุติธรรม โดยยึดความรู้ความสามารถ และคุณธรรมเป็นหลัก ไม่เลือกปฏิบัติในทุกสถานการณ์ และไม่กระทำความรุนแรงต่อสตรีทั้งทางร่างกายหรือสภาวะจิตใจ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงเพื่อสร้างให้เด็กที่มีความสุข มีคุณภาพในอนาคต ตามที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดเป้าหมายไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพัฒนาสถาบันครอบครัวให้มีคุณภาพ และการสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะสังคมบางแห่งมีความขัดแย้งสูง แต่สำหรับรัฐบาลไทยขอยืนยันเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นในการร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคม พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างโอกาสในการเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำด้วยกฎหมายที่เท่าเทียม เพื่อนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งของครอบครัวบนพื้นฐานของความเสมอภาค ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการตกลงปฏิญญากรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการยกระดับความเข้าใจ หวังว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของพลังความร่วมมือที่แข็งขันในภูมิภาค ที่จะส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางมีความเท่าเทียมและมั่นคง ทั้งเชื่อว่าสมาชิกหลายประเทศมีความเจริญเติบโต ซึ่งเราต้องเติบโตไปพร้อมกันทิ้งไม่ได้ หากทิ้งจะเกิดความขัดแย้ง เพราะทุกคนคือมนุษย์ที่มีความอยากได้อยากมี ซึ่งรายได้ที่แตกต่างทำให้เกิดความเท่าเทียมที่ไม่สามารถทำให้เหมือนกันหมดได้ จึงต้องทำให้คนพอเพียงเพื่อลดปัญหา โดยถือเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะทำให้เกิดความสมดุลระหว่างประชาชนกับรัฐ อย่าให้รัฐเป็นผู้กำหนดเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อมีคนชนะคนแพ้จะทำให้เกิดความขัดแย้ง การพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าจึงเป็นสิ่งสำคัญ และในการประชุมทุกครั้งตนพูดเสมอว่า ประเทศพัฒนาต้องช่วยประเทศที่กำลังพัฒนา และให้ทุกประเทศมีที่ยืนอยู่บนโลกอย่างเท่าเทียม
แฟ้มภาพ